RAIN...RAIN.....RAIN.....RAIN.....So sexy..So hot ..So cute...ect.........

nana555
[ 20-09-2016 - 02:32:48 ]







[2006] Rain's World (Special Edition)

nana555
[ 20-09-2016 - 02:33:10 ]







[2008] Rainism (5th Korean album)


nana555
[ 20-09-2016 - 02:33:19 ]







[2005.02.16] It's Raining (Japan Version)
[2005.12.07] Early Works
[2005.06.21] Rain'sFirst Live Concert :: Rainy Day (Korea Version)
[2005.08.02] Rain : Rain's Drama Soundtrack (Thailand)
[2005.08.31] Rain's First Live Concert :: Rainy Day (Japan Version)
[2006.09.29] Eternal Rain (1st Japanese Album)
[2008.12.19] Rainism
[2009.03.02] Rainism Recollection (Limited Edition) - 30,000 copies
nana555
[ 20-09-2016 - 02:33:49 ]







2003
• Sangdoo, Let's Go To School

2004
• Full House

2005
• A Love To Kill


2006
• I'm a Cyborg, But That's ok

2008
• Speed Racer

2009
• Ninja Assassin
nana555
[ 20-09-2016 - 02:34:10 ]







2002
• SBS Orange

2004
• SBS Banjun Drama
- ตอน1 ชื่อตอนว่า For her(ตอนเดียวจบ) แสดงเปน จองวุน
- ตอน2-3 ชื่อตอนว่า Words I wanted to say(2ตอนจบ) แสดงเปน จุนโฮ
- ตอน4 ชื่อตอนว่า Romance Solver(ตอนเดียวจบ) แสดงเปน จุนฮุค


•• 2002

- SBS Music Award - New Artist of The Year
- Golden Disc Award - New Artist of The Year
- MBC Best Top 10 Artists - New Artist of The Year
- KMTV Music Award - New Artist of The Year
- M.Net Music Award - New Artist of The Year

•• 2003

- SBS Music Award
- KBS Music Award
- MBC Best Top 10 Artists
- KMTV Music Award
- M.Net Music Award - Popular Artist Among Netizens

•• 2004

- SBS Music Award
- KBS Music Award - Artist of the Year
- MBC Best Top 10 Artists
- MMF Music Award - Best Music Video
- KBS Drama Award - Best Actor & Best Couple

•• 2005

- MTV Asia Aids - Best Asian Artist
- MTV Video Music Awards - Best Asian Artist
- MTV CCTV - Best Asian Artist
- Chanel V Music Video Awards - Best Asian Artist
- Hitz 40 Awards - Best Asian Artist


•• 2006

- Time Magazine's 100 Most Influential People Who Shape the World Award
- M.NET Male Artist Award
- Asia TV Awards Best Movie Style
- MKMF Mnet Best Solo Male Artist
- SBS Gayo Daejun 2006 - Bonsang


•• 2007

- MTV Asia "Artist of the Month"
- 59th Berlin Film Festival: Alfred Bauer Prize for "I'm a Cyborg, but That's Ok"
- Asian Film Awards: Best Actor Nomination for "I'm a Cyborg, but That's Ok"
- 23.04.07 RAIN to challenge TIME100 for 2nd time
- 25.04.07 New Male Actor Baek Sang Award
- 27.04.07 PEOPLE MAGAZINE - WORLD MOST BEAUTIFUL 2007
- 08.06.07 Oversea popularity Daejong Award [ I'm a Cyborg, but That's Ok]


•• 2008

- 2008 Style Icon Awards
- Golden Disk - Best Male Singer


cr : www.jeongjihun.com / www.fanrain.com / jinijung, seery, janejz@Bi's kingdom
nana555
[ 20-09-2016 - 02:34:32 ]









Seoul: 2005.01.29 - 2005.01.30
Pusan: 2005.02.26 - 2005.02.27
Tokyo: 2005.07.30 - 2005.07.31
Osaka: 2005.08.03 - 2005.08.08
Tokyo: 2005.09.02 - 2005.09.03
Hong Kong: 2005.10.08 - 2005.10.09
Beijing: 2005.10.22
Taipei: 2005.12.29 - 2005.12.30
New York: 2006.02.02 - 2006.02.03
Bangkok: 2006.02.25 - 2006.02.26
nana555
[ 20-09-2016 - 02:34:58 ]







]

Seoul: 2006.12.15 - 2006.12.16
Las Vegas: 2006.12.23 - 2006.12.24
Hong Kong: 2007.01.12 - 2007.01.14
Singapore: 2007.01.21
Malaysia: 2007.01.27
Vietnam : 2007.03.10-2007.03.11
Taiwan : 2007.03.31
Sydney : 2007.04.14
Tokyo : 2007.05.25
Bangkok : 2007.06.02 - 2007.06.03


Cr : jeongjihoon.com / fanrain.com / seery@bi's kingdom
nana555
[ 20-09-2016 - 02:35:11 ]







nana555
[ 20-09-2016 - 02:36:00 ]







สุดยอดบทสัมภาษณ์ประวัติศาสตร์ของพี 10/10/48 (ค่อนข้างยาวแต่พลาดไม่ได้ค่ะ)

tempura : หมายเหตุก่อนอ่าน......

- ครบรอบ 1 ปีพอดีหลังจากวันที่สัมภาษณ์ไปค่ะ มาดูกันค่ะว่า 1 ปีผ่านไป พียังเป็นพีคนเดิมอยู่รึป่าว
- บทสัมภาษณ์นี้น่าจะเป็นการแปลจากภาษาเกาหลีมาอีก (หรืออาจจะจากเกาหลีเป็นจีน แล้วถึงเป็นภาษาอังกฤษอีกที) คนแปลแต่ละภาษาอาจจะมีความเข้าใจในสิ่งที่เค้าสื่อออกมาต่างกันบ้างนะคะ บางประโยคที่เป็นภาษาอังกฤษก้อมาแบบขาดบ้างเกินบ้าง บางส่วนเราเลยสรุปหรือเติมไปตามที่คิดว่ามันควรจะเป็นค่ะ
- ใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าจะแก้ไขตรงไหน แนะนำกันได้นะคะ เพราะอาจจะมีที่เราเข้าใจผิดหรือแปลผิดไปบ้างน่ะค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว.....ลุยกันเลยค่ะ!!!
แนะนำหนุ่มพี ชอง จีฮุน (ฉบับปรับปรุง!)

ขอบคุณ Grace, NY USA และ Genevieve @ fanrain
มันเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่เหมือนกันในการที่จะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศเกาหลี แน่นอนว่ามันต้องมีข่าวเรื่องอื้อฉาวของบุคคลที่มีเสียงเหล่านั้นอยู่แล้วใช่มั๊ยหละคะ แต่หากมองจากประเทศอื่น ๆ แล้ว ฉันไม่คิดว่าจะมีที่ไหนที่จะขุดคุ้ยเรื่องชีวิตส่วนตัวของดาราได้มากเท่ากับที่เกาหลีอีกแล้วหละค่ะ และคำวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นจุดเล็ก ๆ ที่สามารถจะส่งเสริมหรือทำลายชื่อเสียงของดาราเหล่านั้นไปได้ตลอดกาลเลยทีเดียว แน่นอนว่าประเทศอื่น ๆ ก็คงเป็นเหมือนกัน มันมีทั้งปาปารัซซี่ และคนประเภทที่ว่าจะซอกแซกเรื่องชีวิตส่วนตัวดาราเป็นอาชีพ แต่ว่าในประเทศเกาหลี ทุกคนจะรับรู้และมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ได้ผ่านทางอินเตอร์เนท ดังนั้น ฉันจึงสนใจว่า ดารานักร้องหนุ่มวัย 20 กว่า ๆ ผู้โด่งดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ชนิดที่ว่า รายการ “Talk Asia” ของ CNN ได้เชิญไปให้สัมภาษณ์ในรายการ เค้ามีความเห็นต่อ “อาชีพดารา” ของเค้าอย่างไร และเค้าวางแผนชีวิตเค้าเองอย่างไรบ้าง ฉันตัดสินใจที่จะรบกวนเวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดของเค้าเพื่อหาคำตอบให้กับคำถามเหล่า
นี้ เชิญสัมผัสกับตัวตนของผู้ชายที่ชื่อ ชอง จีฮุน กันได้เลยค่ะ

วัน/เวลา : 10 ตุลาคม 48 เวลาเที่ยงคืน – ตี 1
สถานที่ : งานเลี้ยงหลังจากจบคอนเสิร์ตเรนนี่เดย์ที่ฮ่องกง

L : ขอฉันเริ่มต้นด้วยคำถามนี้นะคะ ... ในขณะที่ต่างประเทศกำลังให้ความสนใจกับ “นักร้องหนุ่มเรน” แต่ในประเทศเกาหลีเองกลับกำลังให้ความสนใจกับ “นักแสดงหนุ่ม ชอง จีฮุน” จากเรื่อง ALTK ช่วยบอกหน่อยเถอะค่ะว่าคุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับละครเรื่องนี้คะ

พี : เรื่อง ALTK เหรอครับ อืม...มันเป็นเรื่องราวของความรักและการแก้แค้นครับ มันเกี่ยวกับผู้ชายคนนึง ซึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้หญิงคนนั้นก็รักเค้ามากเช่นกัน แต่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงบังคับให้ทั้งคู่เลิกกันและก็เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้นระหว่างคนทั้งสอง แต่ทั้งคู่ก็ยังคงรักอีกฝ่ายอยู่ ต่อมาฝ่ายชายเกิดอุบัติเหตุตกจากตึกจนอาการโคม่าต้องนอนเป็นอัมพาตอยู่ในโรงพยาบาล เรื่องราวต่อไปจึงเกี่ยวกับการแก้แค้นของน้องชาย ซึ่งก็คงจะมีคนที่ดูแล้วทั้งชอบและไม่ชอบน่ะครับ มันขึ้นอยู่กับความเห็นส่วนตัวของพวกเค้า แต่สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้แสดงให้ผู้ชมได้เห็นในอีกบทบาทนึง และผมมีความมั่นใจมากว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จครับ


L : เรื่องสนุก ๆ อีกเรื่องที่เราต้องให้ความสนใจก็คือ ในละครเรื่อง Full House คุณสวมบทบาทเป็นดาราผู้มีชื่อเสียง ในขณะที่ตัวคุณเองก็มีชื่อเสียงเหมือนกัน คุณอาจบอกว่ามันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างละครเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ เหมือนกับในเรื่อง “Sang Doo, Let’s Go to School” และในขณะที่ผู้ชมกำลังจะติดภาพตัวละครทั้งสองตัวที่คุณแสดงได้อย่างสมบทบาทนั้นไป คุณกลับล้างภาพเหล่านั้นไปด้วยการรับบทเป็นผู้ชายเกเร เป็นนักเลงหัวไม้ นี่มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ธรรมดาเลยนะคะ จีฮุนคะ คุณกำลังมองหาอะไรอยู่ และคุณตัดสินใจมารับบทนี้ได้อย่างไรคะ?

พี : ตัวผมเองไม่เคยต้องการที่จะทำงานเพื่อเงินเลยครับ แต่มันก็ออกจะโชคไม่ดีตรงที่ว่าบางครั้งการทำงานมันก็ต้องเป็นไปตามครรลองของมัน แต่ผมรับงานนี้ (แสดงเป็นบ๊อกกุ) เพราะว่าผมต้องการที่จะแสดงครับ และหากต่อไปผมได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์แล้วหละก็ ผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำมันเพื่อเงินเหมือนกันครับ ผมแค่ต้องการทำในสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข สิ่งที่ทำให้คนที่สนับสนุนผมคิดว่า “อ๊า เรนมีพัฒนาการในการแสดงจนสามารถแสดงบทนั้นได้แล้ว” ต่างหากหละครับ ผมสามารถแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความเป็นนักแสดงคุณภาพในฐานะนักร้องและในด้านอื่น ๆ ได้ ถึงตอนนี้แล้วเงินไม่ใช่ปัจจัยสูงสุดในชีวิตของผมครับ มันมีอะไรต้องทำมากไปกว่าการสร้างความภูมิใจให้กับตัวเองแล้วหละ ความมั่นใจในตัวเองต่างหากหละครับที่สำคัญ ถ้าหากงานไหนให้ผมได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่แล้วหละก็ นั่นต่างหากที่สำคัญสำหรับผม


L : ถ้าอย่างนั้นการเป็น เรน ในฐานะนักร้อง มีส่วนในการสร้างภาพ ชอง จีฮุน ในฐานะนักแสดง ได้มากน้อยแค่ไหนคะ?

พี : มันคงไม่ใช่เป็นการสร้างภาพหรือมีจุดร่วมอะไรกันหรอกนะครับ ผมแค่มีความสุขมากที่สามารถทำสองสิ่งที่ผมสนุกกับมันได้พร้อม ๆ กัน ผมไม่ต้องพูดว่าผมต้องทำสิ่งนี้ เพราะผมเคยทำมันมาก่อน หรือเพราะผมเคยทำสิ่งนี้ ผมถึงต้องทำมันอยู่ตอนนี้ ผมมีความสุขเพราะผมสามารถทำอะไรก็ได้ที่ผมต้องการจะทำ ผมไม่ได้วางแผนอะไรเลยครับ


L : คุณไม่เคยเข้าคลาสการแสดงเลยใช่มั๊ยคะ?

พี : ไม่ครับ ผมไม่เคย


L: ถ้าอย่างนั้นคุณเรียนรู้เรื่องการแสดงด้วยตัวคุณเองได้อย่างไรคะ?

พี : การแสดงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ครับ คุณต้องเรียนรู้ว่าจะแสดงได้อย่างไร คุณไม่สามารถเรียนรู้การแสดงจากแค่ในห้องเรียนหรอกครับ จริง ๆ แล้วคุณจะไม่เคยได้เรียนรู้ว่าจะแสดงอย่างไรหรอกครับ เพราะถ้าคุณยึดติดอยู่กับบทเรียนที่คุณเรียนมา มันก็จะเป็นแค่การเลียนแบบคนอื่นเท่านั้นเองครับ และผมว่านั่นก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นสไตล์การแสดงเฉพาะตัวของคุณหรอกจริงมั๊ยครับ มีบางคนเคยถามผมนะว่า “คุณไม่เรียนการแสดงบ้างเหรอ?” คำตอบคือไม่ หรือ “คุณไม่คิดว่าคุณควรจะเข้าคลาสเรียนการแสดงซักหน่อยเหรอ?” คำตอบก็คือไม่เหมือนกันครับ ไม่ทั้งหมดนั้นแหละ ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมว่าปล่อยให้เป็นสิ่งที่ผู้ชมจะตัดสินดีกว่าครับ ผมพูดและแสดงไปตามที่ผมรู้สึกว่ามันควรจะเป็นเท่านั้นเองครับ


L : งั้นก็ถือได้ว่าการแสดงของคุณมาจากสัญชาติญาณใช่มั๊ยคะ คุณคิดว่าอะไรคือส่วนสำคัญที่สุดในการแสดงหละคะ?

พี : ความจริงใจน่ะครับ


L : แล้วตัวละคร คัง บ๊อกกุใน ALTK มีความจริงใจที่คุณกำลังพูดถึงนี่หรือเปล่าคะ? คุณคิดว่าตัวละครตัวนี้มีลักษณะอย่างไรบ้างคะ?

พี : (tempura : ส่วนนี้ภาษาอังกฤษเรางงคำที่เค้าใช้มากค่ะ มันดูขัด ๆ กันยังไงไม่รู้ เราขอแปลตามที่เรามองบทนี้ของพีไปเลยละกันนะคะ) คัง บ๊อกกุเป็นคนที่ดูเหมือนจะโหดเหี้ยมมาก ๆ เลยครับ เค้าเป็นนักสู้ที่พร้อมจะฆ่าศัตรูได้ทุกเวลา แต่เค้าก็พร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เค้ารัก (tempura : ประเภทปากไม่ตรงกับใจน่ะค่ะ) และในท้ายที่สุดแล้วคุณจะรู้สึกเห็นใจและสงสารบ๊อกกุมากเลยหละครับ ผู้หญิงหลายคนอาจจะแปลกใจว่ามีผู้ชายประเภทนี้อยู่จริง ๆ เหรอ ผมต้องการที่จะแสดงความเป็น คัง บ๊อกกุออกมาให้ได้ครับ ส่วนบทของยง เจ น่ะ มันเป็นบทที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับตัวผม แต่บทแบบคัง บ๊อกกุนี่มันจะให้อะไรกับผมกลับมามากกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการที่จะแสดงมันครับ


L : ดูเหมือนว่าคุณจะมีความมั่นใจมากเลยนะคะ

พี : แน่นอนครับ ผมมั่นใจมาก ๆ


L : คุณบอกว่าคุณไม่เคยเข้าคลาสการแสดงใด ๆ เลย แต่ดูเหมือนว่าคุณสามารถเรียนรู้ได้จากการดูาพยนตร์และการแสดงอื่น ๆ ในขณะที่คุณกำลังสวมบทบาทนั้น เหล่านักแสดงมักจะมีต้นแบบของพวกเค้าในการแสดง คุณมีนักแสดงที่เป็นต้นแบบของตัวละครคัง บ๊อกกุใน ALTK หรือเปล่าคะ?

พี : แน่นอนครับ มีคำพูดประโยคนึงนะครับว่า การเลียนแบบเป็นบ่อเกิดของการสร้างสรรค์ทั้งมวล ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่มีเหตุผลนะครับ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผมได้ดูการแสดงของ อัล ปาชิโน่ หรือ โรเบิร์ต เดอนีโร หรือนักแสดงท่านอื่น ๆ ที่มีสไตล์การแสดงคล้าย ๆ กันแล้ว ผมมักจะเกิดแรงบันดาลใจน่ะครับ อย่างตอนที่ผมได้ดูอัล ปาชิโน่ แสดงใน “Scarface” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกของยาเสพติดในฟลอริด้า ตอนแรกสีหน้าของอัลจะไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่คุณจะค่อย ๆ สัมผัสได้ความเปลี่ยนแปลงได้ทีละนิด ๆ ทั้งอารมณ์และความรู้สึก สิ่งเหล่านี้เองเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันช่วยผมได้มากในการแสดงเรื่อง ALTK น่ะครับ


L : ถ้าอย่างนั้น ขอกลับไปที่เรื่องเกี่ยวกับการแสดงอีกทีนะคะ ความจริงแล้วคือว่า ฉันสนใจในบทบาทการเป็นนักแสดง ชอง จีฮุน ของคุณ ก็เพราะฉากนึงในเรื่องซางดูน่ะค่ะ แต่ก่อนอื่นฉันอยากจะบอกว่า ฉันเคยคิดว่าคุณเป็นนักแสดงที่ดีสำหรับการเป็นนักร้อง.... แต่จุดเปลี่ยนความคิดนี้ก็คือฉากที่ว่านั้น ที่คุณเข้าฉากกับลี ดอง กันค่ะ ฉันจำไม่ได้แน่นอนนะคะว่าฉากไหน แต่ลี ดอง กันกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เป็นทุกข์เพราะเค้าเพิ่งจะค้นพบความจริงบางอย่าง และซางดูก็เพิ่งจะกลับมาร่าเริงมาก ๆ ฉากนั้นซางดูก็เลยโบกไม้โบกมือไปมาล้อเลียน แล้วก็แกล้งดองกันน่ะค่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าคุณแสดงนอกบทไปแล้ว แต่เมื่อฉากนั้นผ่านไปแล้ว ฉันถึงกับจุกอกเลยหละค่ะ คือฉันเพิ่งมารู้ว่าคุณไม่ได้แสดงให้เหมือนกับว่าคุณเป็นคนโง่ แต่คุณกำลังแสดงเพื่อกลบเกลื่อนว่าคุณรู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น ซางดูรู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นของเค้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก แต่เค้าก็รู้ดีกว่าเค้าต้องบังคับตัวเองให้ผ่านพ้นมันไปให้ได้ นั่นเป็นความรู้สึกที่ฉันรับรู้ได้ตอนนั้นค่ะ ส่วนในเรื่อง Full House ก็คล้าย ๆ กัน ตัวละครตัวนี้ยิ่งใหญ่มาก เป็นถึงดาราดัง แต่เค้ากลับรู้สึกเจ็บปวดกับชีวิตส่วนตัวของเค้า และความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ได้รับการเยียวยาด้วยความรักในตอนจบ ดังนั้นนี่จึงเป็นจุดร่วมของตัวละครที่แตกต่างกันสุดขั้วของตัวละครทั้งสองตัวนี้ คุณเชื่อมั๊ยคะว่ามันมาจากประสบการณ์และความรู้สึกส่วนตัวของคุณเอง?

พี : ผมคิดว่าผมควรจะอธิบายให้คุณฟังซักนิดก่อนเกี่ยวกับเรื่องสไตล์การแสดงของผมนะครับ สิ่งนึงที่ผมสามารถพูดได้ก็คือ ความมั่นใจสูงสุดในการแสดงของผมนั้น คือการที่คนดูจะไม่เข้าใจว่าผมกำลังพูดถึงอะไรในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเค้าจะเข้าใจในบทบาทนั้น ๆ ได้ เหมือนกับคุณนั่นแหละครับ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมถือว่าประสบความสำเร็จในการแสดงของผมแล้วหละครับ กับบท ซางดู นั้น เค้าทุกข์ทรมานมากครับ เพราะโบรี ลูกสาวของเค้าไม่สบาย และดองกันก็พบความจริงที่ว่าโบรีไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของซางดู ในขณะที่ดองกันต้องการจะบอกซางดูเรื่องนี้ แต่เค้าก็ไม่สามารถทำได้ แต่ซางดูก็รู้ระแคะระคายบ้างเหมือนกัน ผมเลยคิดว่าถ้าเป็นตัวผมเอง ผมจะทำยังไง ผมไม่คิดว่าคนดูจะเข้าใจสถานการณ์นี้ได้หากผมแสดงท่าทางขึงขังและนิ่งเงียบ ในสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่าคนเราคงต้องการที่จะหลอกคนอื่น ๆ ให้แนบเนียนที่สุด ดังนั้นเค้าจึงทำตัวเอะอะมะเทิ่งและเฮฮาร่าเริงมากกว่าที่คนปกติเค้าจะทำกันกลบเกลื่อนไปน่ะครับ และเพราะว่าคนดูรู้อยู่แล้วว่าดองกันรู้ความจริง พวกเค้าก็จะสามารถเห็นอีกมุมหนึ่งของซางดู รวมผมไปถึงความคิดและความตั้งใจของเค้าด้วย ถ้าไม่พยายามคิดแบบที่ซางดูคิดให้ได้ และไม่ได้แสดงให้ผู้ชมเข้าใจ ผมคิดว่าเค้าก็จะไม่เข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นหรอกครับ นี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่า ความจริงใจ ไงหละครับ แม้แต่ในเรื่อง Full House ก็ตามที ผู้ชมอาจจะพูดว่า “เฮ้, บทนี้นี่มันเป็นตัวเรนเลยนี่นา เรนกำลังแสดงอยู่แน่เหรอ? บทนี้เค้าเขียนมาเพื่อให้เหมาะกับเรนมากกว่า” แน่หละครับว่าต้องมีคนมากมายพูดแบบนี้แน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เค้าเห็นในตัวละครตัวนี้ มันมาจากการที่ผมใช้เวลาทั้งคืนเพื่อทำความเข้าใจกับตัวละครตัวนี้ให้ได้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมใช้เวลาทั้งคืนเพื่ออ่านบทและคิดว่า “อืมม... ฉากนี้ ถ้าผมแสดงแบบนี้มันจะดูเป็นธรรมชาติขึ้นรึป่าวนะ” และผมก็ยังกังวลว่าผมจะทำอย่างไรให้แสดงเข้าขากับเฮ คโย ได้ ความคิดและการแสดงทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมมองตัวละครยองเจใน Full House ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่หนุ่มไฮโซมีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ต้องใช้ความรู้สึกสะกดความเจ็บปวดของตัวเอง นั่นเป็นวิธีที่ผมเข้าถึงบทบาทนั้นครับ


L : ฉันไม่รู้นะคะว่าคุณจะว่ายังไง แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ค่ะว่ามีคนพูดถึงบทบาทของคุณใน Full House แบบนั้นด้วยเหรอ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าคุณจะรู้หรือเปล่า แต่ว่ามีแฟน ๆ บางคนของละครเรื่องนี้บอกว่า ทีมผู้สร้างและเหล่านักแสดงต้องมีการปรับปรุงบางส่วนของบทที่มันดูไม่เข้าท่ามาก ๆ ด้วยน่ะค่ะ

พี : อา...ผมเชื่อว่า Full House เป็นละครที่วิเศษมากครับ ทีมงานและนักแสดงทุกคนต่างก็ช่วยกันทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นผมจึงหวังว่าผู้ชมจะเข้าใจสิ่งที่พวกเค้าทำมากขึ้นน่ะครับ ส่วนผู้กำกับของเราก็ให้อิสระกับเฮ คโย และผมในการแสดงและสามารถเล่นนอกบทได้เต็มที่เลยครับ ซึ่งก็มีส่วนช่วยในเรื่องการแสดงของเราอย่างมากเลยหละครับ


L : แต่คุณก็เข้าใจใช่มั๊ยคะว่าผู้ชมก็อาจจะรับรู้ความรู้สึกบางอย่างได้เหมือนกัน แน่นอนว่ามันเป็นผลมาจากการแสดงของคุณ ในขณะที่คุณยังเป็นนักแสดงหนุ่มอยู่นี่ แต่มันก็คงจะมีอุปสรรคอะไรบ้างเหมือนกันในบางครั้ง คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้คะ?

พี : ผมเห็นด้วยครับ อืม...จะพูดยังไงดีหละครับเนี่ย? ตอนที่ผมเริ่มถ่าย Full House ครั้งแรก ผมเล่นทั้งตอน 1 และตอน 2 เลยครับ แต่ไม่ได้เป็นตัวของผมเองหรอกนะ อืม..คือว่าผมไม่ได้แสดงแบบเคอะเขินเลยนะ แต่ผมพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละครที่แตกต่างจาก ซางดู น่ะครับ เพราะถ้าตัวละครใน Full House นี่เป็นแค่ตัวละครที่เรนกำลังพยายามแสดงออกมาให้เหมือนอย่างซางดูแล้วหละก็ ผมคิดว่าผู้ชมก็จะคิดว่ามันคือตัวละครตัวเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้ผมจะได้ยินมาว่าผมไม่สามารถแสดงบทนี้ได้ตั้งแต่แรก แต่ผมก็ยังคงพยายามอย่างหนักเพื่อให้การแสดงทั้งสองเรื่องนี้ต่างกัน ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ตอนที่ 4 และ 5 แต่ละตอนที่ผ่านไป ผู้ชมก็จะคุ้นเคยกับการแสดงของผม นี่คือวิถีทางของผมและผมพยายามที่จะพัฒนาการแสดงตลอดเวลาครับ


L : แต่เมื่อคุณเปรียบเทียบระหว่าง นักแสดง ชอง จีฮุน และ นักร้อง เรน อย่างตรงไปตรงมาแล้ว พวกเค้าดูแตกต่างกันมากเลยนะคะ แต่คุณสามารถรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันได้ใช่มั๊ยคะ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คงจะเป็นที่เราเห็นได้จากอัลบั้ม It’s Raining ดาราระดับนั้นจะค่อนข้างพอใจและทะนงตัว แต่ฉันกลับรู้สึกว่าคุณมีความตั้งใจอย่างมากจริง ๆ ทั้งในเรื่องการเต้นและการร้องเมื่อคุณอยู่บนเวที คุณทำให้รู้สึกว่าคุณกำลังบอกกับคนดูว่า “เฮ้ นี่ผมเองนะ เรนไงครับ” และก็เชิดนิด ๆ เหมือนต้องการจะถามว่า คุณจะไม่ชอบผมได้ยังไงหละเนี่ยในเมื่อผมทำงานอย่างหนักก็เพื่อพวกคุณทุกคนนะ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าคุณกำลังพยายามไปให้ถึงเป้าหมายที่คุณวางไว้ ฉันยังจำตอนที่ได้ดูเอ็มวี It’s Raining ได้อยู่เลยนะคะ ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันจะต้องเป็นเอ็มวีที่ลืมไม่ลงแน่ ๆ เลย และเมื่อคุณปรากฏกายบนเวที คุณก็ใช้พลังที่มีทั้งหมดเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับคนดูบนเวทีนั้น ๆ ได้ด้วยตัวคุณเอง นั่นคือที่ฉันมองว่าเป็นคาเรคเตอร์ของคุณค่ะจีฮุน ฉันคิดว่าคุณสร้างขีดจำกัดของคุณเอง แบบว่าเมื่อคุณอยู่ตรงนั้น คุณจะต้องก้าวข้ามมันไปข้างหน้าต่อไปอีกให้ได้

พี : อา....ผมดีใจมากเลยครับที่คุณถามคำถามนี้ขึ้นมา มันยากมากจริง ๆ แหละครับ จนบางครั้งทำเอาผมอยากตายไปเลยก็มีเหมือนกัน มันหนักจนบางทีผมรู้สึกเหมือนกับมีมีดมาเฉือนลึกลงไปถึงกระดูกหรือแทบจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียวแหละครับ ผู้คนมักจะจับตามองว่าเรนจะทำอะไรต่อไป และเค้าชอบพูดว่า “เอ๊...แค่นั้นเองเหรอ?” แต่ประเด็นคือ ก่อนที่ผมจะออกอัลบั้มชุดที่สอง มีคนเคยบอกกับผมว่า “เฮ้! เรนก็ไปได้แค่นี้แหละ” (สบประมาท) แต่รู้มั๊ยครับว่าตอนนี้ยิ่งผมกลัวหรือท้อมากเท่าไหร่ ผมจะมองย้อนกลับไปแล้วบอกกับตัวเองว่า “เฮ้! นายทำได้เท่านี้เองเหรอ จีฮุน? ไม่เอาน่า ทำไมทำตัวน่าอายยังงี้หละ ฮึ? แสดงให้พวกเค้าเห็นไปเลยสิว่านายเจ๋งแค่ไหน!” ผมไม่ได้ออกจากบ้านเป็นเดือน ๆ เลยนะ ขนาดตอนไปอเมริกา ผมก็ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนเลย ผมเฝ้าคิดถึงกำแพงที่ผมต้องฝ่ามันไปให้ได้ คิดแต่ว่าจะทำยังไงถึงจะทำลายกำแพงภาษาให้ผู้คนคุ้นเคยกับเพลงและการเต้นของผมได้ ผมเคยคิดว่า “อ๊า ทำไมนักร้องเพลงเต้นต้องเต้นตลอดเวลาด้วยหละ? ผมลองเป็นนายแบบดูบ้างก็ได้นี่นา ผมจะร้องเพลงทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่กับที่นี่แหละ แล้วไหนลองใส่แว่นกันแดดหน่อยซิ ลองเปลี่ยนเสื้อผ้าบนเวทีดู แล้วก็ลองออกแบบการแสดงที่ใช้ชื่อ เรน เป็นส่วนประกอบดูบ้างซิ ที่สำคัญผมจะแสดงสดเท่านั้นครับ แม้ว่าผมจะกระอักเลือด, จับไข้, ล้มคว่ำลงไป หรือแม้กระทั่งตาย ผมก็ยังจะยืนหยัดอยู่บนเวทีครับ เพราะเมื่อผมเริ่มสวมแว่นกันแดดและยืนนิ่ง ๆ แล้ว โอ้วขอบคุณพระเจ้า มันเข้ากันได้ดีกับสไตล์เพลงของผม และทุกอย่างมันก็ออกมาดีจริง ๆ ครับ แต่ผมจะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอกนะครับ หนทางข้างหน้าที่ผมต้องก้าวเดินต่อไปมันยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงจุดหมายน่ะครับ


L : ฉันคิดว่าความคาดหวังเป็นอะไรที่น่าดึงดูดใจมากค่ะ แต่ อืม...จะพูดยังไงดีหละคะ คือฉันเคยคิดว่าตอนที่ “How to Avoid the Sun” ออกมาก็เป็นที่น่าสนใจมาก ๆ แล้ว แต่หลังจากที่ได้ดูเอ็มวี “It’s Raining" แล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าเรนจะสามารถประสบความสำเร็จกับเพลงที่ดังไล่กันมาอย่าง “I do” ได้เลยนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันนึกไม่ออกเลยหละค่ะว่าจะมีเพลงไหนที่ทรงพลังไปมากกว่า “It’s Raining” ออกมาอีกมั๊ย คุณคิดว่ายังไงบ้างคะ?

พี : แต่.....(ยิ้มมมมม) มันมีแน่นอนครับ


L : หืม? มีเหรอคะ?

พี : อืม จะว่ายังไงดีหละครับ ผมคิดไว้แล้วน่ะครับ ช่วงที่ผมทำอัลบั้ม “It’s Raining” อยู่นั้น คนที่ได้ฟังจะพูดกันว่า “เฮ้, คุณคิดอะไรอยู่น่ะ? มันไม่ดังหรอก” แต่เมื่อเค้าเห็นการเต้นและเอ็มวี พวกเค้ากลับชอบมันครับ ตอนนี้เพลงมีความสำคัญมากขึ้นนะครับ แม้แต่ในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้เราก็ยังพูดกันอยู่เลย ผมไม่ชอบทำอะไรที่เหมือนกับที่คนทั่ว ๆ ไปเค้าทำกันน่ะครับ ไม่ว่าอัลบั้มจะได้รับการตอบรับที่ดีหรือไม่ก็ตาม ผมต้องการที่จะแสดงอะไรที่ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้ครีเอทท่าเต้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ตลอดไงหละครับ ผมหมายถึงผมเปลี่ยนเทรนด์เสื้อผ้าในอัลบั้มนี้ สวมเสื้อกั๊ก และก็เปลี่ยนเทรนด์ในสไตล์ที่แตกต่างออกไป ผมต้องการที่จะเปลี่ยนเทรนด์อีกครั้งในอัลบั้มนี้ ซึ่งหากผมทำได้ นั่นก็จะตอบคำถามของคุณได้ด้วยไงหละครับ ทันทีที่คุณเห็นมัน ผมว่าคุณต้องชอบมันและนั่นก็หมายถึงผมได้ทำสำเร็จไปอีกขั้นนึงแล้ว คุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ในต้นปีหน้าครับ


L : อืม..นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าอัลบั้มหน้าจะเป็นโปรเจคที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มากๆ ใช่มั๊ยคะ?

พี : มันจะเป็นโปรเจคที่....ใหญ่มาก ๆ เลยหละครับ ผมกำลังจะเดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีเพื่อโปรเจคที่ยิ่งใหญ่อันนี้ครับ


L : แล้วในส่วนของเรื่องเพลง คุณตกลงจะทำกับคุณปาร์คหรือเปล่าคะ?

พี : อา...คือ..จริง ๆ แล้วพี่ปาร์คกับผมมีความเห็นที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันนะครับในเรื่องของเพลง อืม..แตกต่างกันมากทีเดียวเลยหละครับ


L : จริงเหรอคะ?

พี : ครับ พี่ปาร์คกับผมมีความเห็นแตกต่างกันหลายเรื่อง แต่เราก็ยังทำงานร่วมกันได้ครับ ผมไม่มีทางที่จะปฏิเสธประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน 13 ปีของเค้าได้หรอกครับ แม้ผมจะมีพลังเหมือนซุปเปอร์แมน แต่ผมก็รู้สึกว่าถ้าหากเราทั้งคู่สามารถจูนเข้าหากันได้อย่างลงตัว เราก็จะเป็นที่หนึ่งในสิ่งที่เราทำอยู่ ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร และพี่ปาร์คก็มีความรู้ความชำนาญ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราสามารถทำงานร่วมกันได้ดีครับ และสำหรับอัลบั้ม “How to Avoid the Sun” และ “It’s Raining” นั้น ผมยังไม่คิดว่ามันเป็นมาสเตอร์พีซของผมหรอกนะครับ แต่ผมรู้ว่ามันคือสิ่งที่รวมเอาความเป็นอัลบั้มมารวมกันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นก้าวต่อไปเราก็ควรที่จะทำได้ดีกว่านี้ สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดตอนนี้ก็คือ คราวนี้ผมควรจะแสดงอะไรดีนะ? ผมเฝ้าคิดถึงอีกมุมหนึ่งที่ผมสามารถแสดงได้ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดเพลงใหม่ขึ้นมาครับ


L : ถ้างั้นขอเข้าเรื่องเพลงเลยละกันนะคะ ฉันไปเจอประเด็นนึงในอินเตอร์เนทมาน่ะค่ะ คือคนมักจะมองคุณว่าเป็นนักเต้นมากกว่าเป็นนักร้อง คุณคิดยังไงคะ?

พี : มันก็จริงนะครับ ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในการเป็นนักร้องนักเต้นครับ ถ้าหากว่าผมเริ่มต้นด้วยการร้องเพลงเพลงหนึ่งและเรียกตัวเองว่าเป็นนักร้อง นั่นอาจจะไม่ทำให้ใครต่อใครพูดลับหลังหรือตัดสินว่าผมดีหรือไม่ดี เพราะผมเป็นแค่นักร้องไงหละครับ คนอาจจะพูดแค่ว่า “เค้าก็ไม่เลวเท่าไหร่นี่” แต่หากผมเริ่มจากการเป็นนักร้องนักเต้น ผู้คนก็จะพูดว่าสิ่งที่ผมทำได้ก็คือการเต้น นั่นคือสิ่งที่มันเป็นจริง ๆ น่ะครับ นักร้องต้องรู้ว่าจะร้องอย่างไรให้ดี สิ่งที่เค้าต้องทำคือร้องเพลงให้ดีและรักษาสุขภาพของเค้าเอง แต่นักร้องนักเต้นต้องร้องไปด้วย เต้นไปด้วย และยังต้องแสดงประกอบการเต้นนั้นอีกด้วย แล้วมีใครมั๊ยครับที่จะร้องและแสดงไปด้วยระหว่างที่กำลังเต้นอยู่? ผมรู้สึกแบบนี้น่ะครับ นั่นเป็นทางเดียวที่จะนำเอาการแสดงที่ดีจริง ๆ ออกมาแสดงบนเวทีได้ ผมหวังให้ผู้ชมเห็นนักร้องนักเต้นในมุมที่ต่างออกไป นักร้องนักเต้นต้องผสานเอาท่าทางให้ลื่นไหลไปกับเพลงที่เค้ากำลังร้องอยู่ แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของการร้องและการแสดงบนเวทีให้ได้ ผมกล้าพูดได้เลยว่าผมแสดงสดทุกครั้งเมื่ออยู่บนเวที มีบางครั้งที่ผมจำเป็นต้องใช้ลิปซิงก์บ้างเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับการแสดงมากขึ้นและเพื่อควบคุมให้ได้โทนเสียงตามที่ต้องการ ผมอยากให้คุณเข้าใจอีกหน่อยเกี่ยวกับการเป็นนักร้องนักเต้นแบบนี้นะครับ


L : อืม... หมายความว่า คุณก็พูดได้สิคะว่าคุณแสดงไปด้วยความเข้าใจในการผสมผสานระหว่างดนตรีและเวทีได้ยังงั้นใช่มั๊ยคะ ถ้างั้นบอกหน่อยสิคะว่าคุณควบคุมการร้องยังไง? เพราะโดยปกติแล้วนักร้องนักเต้นอย่างคุณจะได้ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงและฉันคิดว่าโปรดิวเซอร์จะเป็นคนดูแลเรื่องการร้องเพลงให้คุณเอง

พี : เรื่องการร้องเหรอครับ อืม...ขอผมอธิบายเรื่องการฝึกฝนการร้องหน่อยละกันนะครับ ผมได้รับการฝึกฝนการร้องจากคน 3 คน คนแรกเป็นคนที่เคยร้องคอรัสมาก่อน คนต่อมาคือพี่ปาร์ค แต่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ฝึกการร้องกับเค้าแล้วหละครับ เพราะตอนนี้ผมได้เข้ารับการฝึกที่สตูดิโอของนักเรียนคนนึงของ Ray Charles ในสหรัฐน่ะ ครับ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากพวกเค้าในการหาสไตล์ของผมเอง แต่ผมไม่คิดว่าคนอื่นจะมองแบบนั้นหรอกนะครับ เค้ามักจะมองกันว่าใครเป็นคนทำเพลงมากกว่า เช่นว่า ถ้าพี่ปาร์คทำเพลงให้ผม สไตล์ของผมก็จะเหมือนกับพี่ปาร์ค แต่จริง ๆ แล้วผมต่างหากหละครับที่เป็นคนควบคุมเสียงร้องของผมเอง ผมว่าผมแตกต่างจากพี่ปาร์คนะ แน่นอนว่าต้องมีคนพูดว่า “อะไรกันเนี่ย เพลงของเรนฟังดูเหมือนของพี่ปาร์คเลยนะ” ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากซ้อมร้องซ้อมเต้นของผมต่อไปในแบบของผมเอง ร้องเพลงในแบบที่ผมอยากจะร้อง และเมื่อคุณเอาเพลงของพี่ปาร์คมารวมกับการร้องและการเต้นของผม ผลลัพธ์มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากมันคือเพลงของผมครับ


L : หมายความคุณควบคุมการร้องด้วยตัวคุณเองใช่มั๊ยคะ?

พี : ใช่แล้วครับ คุณว่ามันจะไม่น่าอายไปเหรอครับ ถ้าต้องอยู่ภายใต้เงาของคนอื่นทั้ง ๆ ที่เป็นอัลบั้มที่ 3 ของผมแล้วน่ะครับ?


L : แต่ จีฮุนคะ ในเรื่องของการร้องที่คุณพูดถึงน่ะ คุณก็ไม่สามารถแยกมันออกจากการเต้นได้เลยใช่มั๊ยคะ อืม...ยกตัวอย่างนะคะว่า คุณอาจลองปรับการหายใจให้เข้ากับการเต้นได้ แต่ก็มีบางช่วงในเพลงที่คุณต้องให้น้ำหนักในการร้อง หรือคุณอาจจะต้องให้ความสำคัญกับการเต้นมากเป็นพิเศษ คุณเคยคิดถึงเรื่องนี้มั๊ยคะตอนที่คุณเต้นน่ะค่ะ?

พี : อืม...จริง ๆ แล้วผมแสดงสดทั้งร้องทั้งเต้น 100% เลยครับ


L : หือ? แสดงสดเหรอคะ?

พี : ใช่ครับ ทั้งร้องและเต้นเลยครับ เพราะเวลาเต้นผมจะเต้นตามที่ผมรู้สึกผมเลยร้องสดได้ จะพูดยังไงดีหละครับ คือว่าผมเต้นไปตามความรู้สึกของผมในขณะที่ผมร้องเพลงอยู่น่ะครับ ผมไม่ได้คิดไว้ว่าจะต้องเต้นยังไงเป๊ะ ๆ เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นแบบถ้าเต้นไปแล้วเหนื่อยเกินไปจนร้องเพลงไม่ได้ ผมก็สามารถที่จะหยุดพักการเต้นในจังหวะนั้นซักนิดก็ได้จริงมั๊ยครับ มันขึ้นอยู่กับการลื่นไหลของการแสดงตอนนั้นมากกว่า เหมือนกับการแสดงน่ะแหละครับ การแสดงของผมก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายนึงส่งความรู้สึกและการแสดงมายังไง มันลื่นไหลตามปัจจัยแวดล้อมตอนนั้นมากกว่าครับ


L : ถ้ายังงั้นคุณก็คิดเฉพาะท่าเต้นพื้นฐานไว้ แล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตอนนั้นใช่มั๊ยคะ?

พี : ใช่แล้วครับ


L : จากที่คุณบอก ดูเหมือนว่าปัจจัยแวดล้อมขณะนั้นถือว่าสำคัญนะคะ คุณเป็นนักเต้นที่มีพรสวรรค์และคุณก็เต้นได้ดีด้วย แต่ฉันยังเชื่อด้วยว่าท่าเต้นและการแสดงในอัลบั้ม “How to Avoid the Sun” นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์งาน Mnet และฉันว่ามันเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตของคุณใช่มั๊ยคะ? มันมีอะไรเชื่อมโยงกับการแสดงของคุณด้วยหรือเปล่าคะ?

พี : แน่นอนครับ ทุกอย่างมันควรจะเป็นขั้นเป็นตอน ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเวลาที่คุณจะสอบ คุณจะอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายในคืนก่อนวันสอบกันใช่มั๊ยครับ แต่หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นคุณยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย (หัวเราะ) ผมหมายถึงที่คุณพูดถึงความคาดหวังก่อนหน้านี้น่ะครับ ถ้าเราเครียดอยู่ตลอดเวลา คนอื่นก็จะรู้สึกว่าเราเหนื่อยหรือสิ่งที่เราทำอยู่มันหนักเกินไปสำหรับเรา และคุณก็จะถูกมองว่าคุณแค่ดูเหมือนว่าจะเต้นได้เท่านั้นเอง แต่จริง ๆ แล้วคุณเต้นไม่ได้หรอก แล้วอยู่ ๆ วันนึงมันก็อาจจะระเบิดขึ้นมาก็ได้นะครับ ผมเชื่อว่าเราควรจะมีการวางขั้นตอนที่เหมาะสม อย่างในคอนเสิร์ตของผม มันก็จะมีช่วงไคลแมกซ์ของมันเองซึ่งผมคิดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นช่วงไหน แล้วช่วงไหนควรแสดงอย่างไร ทั้งการแสดง การเต้นหรือภาพรวมของคอนเสิร์ทมันต้องดูลื่นไหลและต้องสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากขยับตามไปด้วยน่ะครับ


L : นั่นแหละค่ะเรน ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นดาราจริง ๆ คุณสามารถนำเอาการแสดงและดนตรีมาผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างลงตัว แล้วความแตกต่างสำหรับการแสดงและดนตรีในความหมายของคุณคืออะไรคะ?

พี : การแสดงมันเป็น “งาน” ที่ผมต้องการจะทำมันจริง ๆ ครับ แต่การเต้นมันเป็นตัวผมน่ะครับ ส่วนเรื่องการร้องเพลงมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเต้นได้หลากหลายขึ้นครับ จะพูดยังไงดีหละ คือว่าเหมือนมันเป็นจิตวิญญาณของผมน่ะครับ ผมได้ระบายความเครียดจากการแสดงไปกับการร้องเพลง และผมก็ได้ระบายความเครียดจากการร้องเพลงไปกับการแสดงด้วยเหมือนกัน อืม... ผมว่าต้องเป็นคนที่ทำสองอย่างนี้เหมือนกับผมถึงจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะบอกได้น่ะครับ การที่ทำสองสิ่งนี้พร้อม ๆ กัน มันไม่ได้เป็นการทำให้คนอื่นพึงพอใจนะครับ แต่ที่ผมต้องการจะทำมัน ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องการจะทำเพื่อตัวผมเองซึ่งคุณจะเห็นได้จากการร้องและการเต้นที่ทรงพลังมาก ๆ ของผม


L : แต่สองสิ่งนี้มันก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการบุกตลาดต่างประเทศของคุณใช่มั๊ยคะ คุณเริ่มต้นจากทำให้คนดูซาบซึ้งไปกับละครที่คุณแสดง และคุณก็ก้าวไปสู่จุดที่แสดงให้เห็นว่าคุณรักษาความเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ด้วยการร้องและการเต้นที่ทรงพลังอย่างมากนี้

พี : อา...ครับ การเต
nana555
[ 20-09-2016 - 02:36:26 ]







(Promise) I will not love you in my next life

In my next life, I will not choose to love you
because in my next life, I will not be a cloud
In my next life, with no cloud there will be no Rain
In my next life, I only wish for one name : Jung Ji Hoon
An ordinary Jung Ji Hoon, happy Jung Ji Hoon not the artist Rain
One lifetime of Rain is enough
Let all the love, all the passion finish burning in this life. Do not protect/save it, let it expired

Next life, it is possible to be only Jung Ji Hoon?
Be the Jung Ji hoon that belong to yourself,
be the Jung Jo Hoon who belong to his family,
be the Jung Ji Hoon who belong to his friends
and be the Jung Ji Hoon who belong to his loved one

Do not be Jung Ji Hoon the artist who is surrounded by fans,
do not need to have bodyguard,
do not need to have reports/reports who write bad things about you.

Do what you want, love who you want
In Spring wearing yr earphone, walking slowly in the square. listening to your MP3, you are not the singer called Rain
Summer time, walking the street with you girlfriend, eating an ice cream. Rent a boat and watch Notting Hill and Titanic with her
During Autumn time, attend a concert with your family. Shining on stage is someone else and not the singer, Rain
During Xmas time, holding your girlfriend's hand in myeongdong.. when all the lights are off, give her a light kiss and promise to love her forever

Your name may one day appear in a fashion magazine: Young, talented designer - Jung Ji Hoon
Perhaps it may even appear on another singer's album not as another shining singer but as a covernote. Under the give thanks column "Many thanks to the talented designer - Jung Ji Hoon"
Can this be done ? In yr next life, fulfill another of your wish, be an outstanding designer and not the artist Rain

In this way, you will not because of work sleep for only 3 hr, you can eat properly , sleep properly.
In this way, you willl not have to train until your muscles and bones ache and hurt until you are unable to sleep. You will not have to say "even if I am unable to get up for the rest of my life, it is still ok"
In this way, even you have broken you arm, you can still put on a cast.. lie in bed and rest. You do not need endure that pain in order to fulfill a promise to your fans"

In this life, you are Rain who belongs to all the clouds, this is something that cannot be changed
You said you want to be the most hardworking artist, Rain
The only things is clouds can do is to love you and love you more and more
Because there will be no Rain in the next life, so we have to use up all our love in this life time
In this life, I will love you deeply... in this life let all the clouds love Rain
In the next life, pls let you be just Jung Ji Hoon, a ordinary Jung Ji Hoon, a happy Jung Ji Hoon and a Jung Ji Hoon who belongs to himself.

In the next life, I will no longer love you
In the next life... in my world, there will be no Rain

credit: Chi by Jilees@soompi
Chi to Eng eeyore_08@soompi

ขออนุญาติลากคำแปลพี่ JJ ที่รัฐ Jihoon มาแปะนะคะ อยากให้แฟนๆน้องพีได้อ่านกันอย่างทั่วถึง
แปลไว้ได้ซึ้งมากเลย ขอบคุณนะคะ

(สัญญาว่า) ชั้นจะไม่รักคุณในชาติหน้า

ชาติหน้า…ชั้นจะไม่เลือกที่จะรักคุณอีกแล้ว
เพราะว่าในชาติหน้า…ชั้นจะไม่เป็นคลาวด์
ชาติหน้าของชั้น..เมื่อไม่มีคลาวด์..ก็ไม่มีเรน (เมื่อไม่มีเมฆ..ก็ไม่มีฝนนั่นเอง)
ชาติหน้า…ชั้นจะขอส่งความปรารถนาดีให้กับชื่อเพียงชื่อเดียว..จองจีฮุน
จองจีฮุนธรรมดา ๆ…จองจีฮุนที่มีความสุข…จองจีฮุน…ไม่ใช่ศิลปินที่ชื่อเรน
ชีวิตที่มีเรนเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว
ขอให้ความรักทั้งหมด…ความเสน่หาทั้งหมดเผาไหม้จนหมดสิ้นในชาตินี้
อย่าปกป้อง/รักษามันไว้เลย…ปล่อยให้มันสิ้นอายุไขไปเถอะ
ในชาติหน้า…มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ…ที่จะมีแต่จองจีฮุน ?
จองจีฮุนที่เป็นตัวของตัวเอง…จองจีฮุนที่เป็นคนของครอบครัว
จองจีฮุนที่เป็นคนของเพื่อน… และจองจีฮุนที่เป็นคนของคนที่เค้ารัก
ไม่ได้เป็นจองจีฮุนที่รายล้อมไปด้วยแฟนๆ ไม่ต้องมีบอดี้การ์ด ไม่จำเป็นต้องมีนักข่าว/นักข่าวซึ่งเขียนสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับคุณ
ขอให้คุณได้ทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำและรักคนที่คุณอยากจะรัก
ในฤดูใบไม้ผลิ คุณจะใส่หูฟัง เดินเล่นช้าๆ ที่จัตุรัส ฟังเพลง MP3 ของคุณ คุณไม่ใช่นักร้องชื่อเรน
ในฤดูร้อน คุณจะเดินไปตามถนนกับแฟนของคุณ กินไอศครีม เช่าเรือ และดูหนังเรื่อง Notting Hill และ Titanic กับเธอ
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คุณจะไปดูคอนเสิร์ตกับครอบครัวของคุณ
ปล่อยให้คนอื่นเจิดจรัสอยู่บนเวที-ไม่ใช่นักร้องชื่อเรน
ในช่วงคริสต์มาส คุณจะจูงมือแฟนของคุณใน myeongdong
เมื่อไฟทุกดวงดับลง คุณจะจูบเธอเบาๆ และสัญญากับเธอว่าจะรักเธอตลอดไป
วันใดวันหนึ่ง ชื่อของคุณอาจจะปรากฎในนิตยสารแฟชั่น: นักออกแบบหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ - จองจีฮุน
บางทีมันอาจจะปรากฎในปกอัลบั้มของนักร้องอีกคนหนึ่ง – ไม่ใช่ในฐานะนักร้องดาวรุ่งอีกคนหนึ่ง
แต่อยู่ใต้ข้อความขอบคุณ "ขอบคุณนักออกแบบผู้มีพรสวรรค์ - จองจีฮุน "
มันจะเป็นเช่นนี้ได้ไหม ?
ในชาติหน้าของคุณ…คุณจะสามารถทำความปรารถนาอีกอย่างหนึ่งของคุณให้เป็นจริง
เป็นนักออกแบบที่โดดเด่น-ไม่ใช่ศิลปินชื่อเรน
ถ้าเป็นเช่นนี้ได้…คุณจะไม่ต้องนอนเพียงวันละ 3 ชั่วโมง…คุณจะสามารถกินและนอนได้อย่างพอเพียง
ถ้าเป็นเช่นนี้ได้…คุณจะไม่ต้องฝึกหนักจนเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูกจนคุณนอนไม่ได้
คุณจะได้ไม่ต้องพูดว่า " ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ตลอดชีวิตของผม ก็ไม่เป็นไร "
ถ้าเป็นเช่นนี้ได้…ถึงแม้ว่าแขนของคุณจะหัก…คุณก็ยังสามารถใส่เฝือกและนอนพักผ่อนบนเตียงได้
คุณไม่จำเป็นต้องทนต่อความเจ็บปวดเพื่อที่จะทำตามคำสัญญาที่คุณให้ไว้กับแฟน ๆ ของคุณ
แต่ในชาตินี้…คุณคือเรน…ซึ่งเป็นของคลาวด์ทุกคน…นี่คือสิ่งที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้
คุณบอกว่าคุณต้องการจะเป็นเรน-ศิลปินที่ทำงานหนักที่สุด
สิ่งเดียวที่คลาวด์ทำได้ก็คือการรักคุณ…รักคุณมากยิ่งขึ้น…และมากยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะว่าจะไม่มีเรนในชาติหน้าแล้ว…
ดังนั้นเราจึงจะขอใช้ความรักทั้งหมดของเราในชาตินี้…
ในชาตินี้ เราจะรักคุณอย่างสุดซึ้ง...
ในชาตินี้ ขอให้คลาวด์ทุกคนรักเรน…
ในชาติหน้า เราขอให้คุณเป็นแค่จองจีฮุน…
จองจีฮุนธรรมดา ๆ … จองจีฮุนที่มีความสุข… และจองจีฮุนซึ่งเป็นตัวของตัวเอง
ชาติหน้า…ฉันจะไม่รักคุณอีกแล้ว
ชาติหน้า... ในโลกของฉัน…จะไม่มีเรน

credit: Chi by Jilees@soompi
Chi to Eng eeyore_08@soompi
Eng to Thai by J_Jea @Jihoon Republic_Pantip.TH
posted by: huchew@JJHTH

nana555
[ 20-09-2016 - 02:36:44 ]







คำถามที่.....มีคำตอบ ฉบับ Return!
(janejz: บทความนี้เอามาจากบล๊อคของคุณ Rainism ในบล๊อกของแกรมมี่ค่ะ คนเขียนได้เขียนไว้หลังจากคอน Rainy Day ที่ประเทศไทยจบไปแล้วค่ะ)

*เรน (คงชอบ)ใช้น้ำหอม Marc Jacobs ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่การฉีด แต่เป็นการอาบมากกว่า

*เรน ชอบกินนม กินมากซะจนไม่น่าเชื่อ!

*เรน ใช้ผ้าปิดจมูกใส่หมวก ไปเดินเที่ยวตรอกข้าวสาร (ทำตัวแปลกจริงๆ...!)

*เรน เป็นคนใจดีอะ เพราะ ตอนที่ เรน กลับจากถนนข้าวสารได้แวะไปซื้อนม
(เยอะมากๆ)ที่เซเว่นข้างทาง และเจอขอทานนั่งอยู่แถวนั้นก็เลยให้เงินไป 20 บาท
(แล้วไอ้นมที่โรงแรมน่ะ มันม่ะมีหรือไงวะ+555 สรุป! งก อะเด่ะ) แล้วตอนนี้เงินใบนั้นมาอยู่ในการครอบครองของสาวไทยแล้วค่ะ คริคริ...

*เรน เคยเม้งแตกกับพวกแม่บ้านที่โรงแรม!!!
เพราะต้องมาคอยเปิดประตูรับของที่พวกแม่บ้าน(โรงแรม) รับฝากมาจากพวกแฟนๆบางกลุ่มบางคน!

*เรน เปลี่ยนเสื้อผ้าในวันเดียวกัน (นอกจากคอนเสิร์ต) ถึง 3-4 ชุด (อาจจะมากกว่านั้น!)
แค่ชุดแดง( แรงฤทธิ์)ที่ใส่ไปก็เลิศแล้ว!

*เรน พยายามกับการพูดเข้ารายการให้ Channel V หลายต่อหลายครั้ง
(ถึงแม้ว่าทางทีมงานของเกาหลีจะบอกให้ยกเลิก <กลัว เรน จะวีนรึป่าวก็ไม่รู้>
แต่เขาก็ยังพยายามเพื่อแฟนชาวไทย ~ น่ารักจริงๆ)

*เรน ชอบเล่นน้ำมากๆ เพราะคืนหนึ่งที่โรงแรม เรน แอบลงมาใช้สระด้วย
แล้วไอ้ผ้าที่คลุมหน้าคลุมตามันไม่ได้ช่วยให้คนจำคุณไม่ได้เลยนะ
และ ทีหลังไม่ต้องรีบก็ได้ ดูสิ! มะพร้าวที่สั่งยังกินไม่หมดเลย
เสร็จสาวไทยอีกตามเคย!(เห็นว่าเป็นของเหลือ แต่ก็ต้องจ่ายเงินให้พนักงานอีกนะ!)

*เรน มันเม้งแตกอย่างหนักเพราะเมื่อวันนั้นที่ เรนไปซ้อมคอนฯที่อิมแพ็ค แล้วปรากฏว่าทีมงานทำพลาด
ทำให้เอฟเฟคเกิดระเบิดขึ้นมาจริงๆ ทำให้ เรนกระโดดลบแทบไม่ทัน เลยโวยวายอย่างแรง
(พี่แกคงกลัวเสียโฉมอะน่ะ~ เพราะเห็นเอามือป้องหน้าอย่างเดียวเลย)
วันนั้น เรน แต่งตัวสบายๆแต่โคตรหล่อเลยอะ ขนาดใส่แค่เสื้อกล้าม เกงยีนส์ ก็ยังเท่สุดๆ

*เรน กระโดดขึ้นรถคันเดียวกับเพื่อนแดนเซอร์ ทั้งๆที่เขาก็มีรถส่วนตัวไว้ให้นั่งสบายๆ

*เรน เคยถูก การ์ด นั่งอัดไปในรถคันเดียว 5 คน โอ้!แม่เจ้า

*เรน ต้องนั่งรถ BMW ที่เป็นสปอนเซอร์ให้ ทะเบียน 2222

*เรน ชอบกินม่าม่าด้วยล่ะ

*เรน ชอบตบแก้ม (เบาๆ) ตัวเองเมื่อรู้ว่ามีอาการอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับเขา +555 น่ารักจริงๆ

*เรน ชอบดึงเพื่อนมาอยู่ในวงโคจรของตัวเอง

*เรน ไม่เคยทำสำเร็จในการดึงเพื่อนมาอยู่ในวงโคจร เพราะเพื่อนๆรู้ทันไง คริ คริ...

*เรน เป็นคนที่ชอบใช้น้ำหอมทีละมาก แต่คุณอาจจะต้องปรับเรื่องกลิ่นบางอย่างนะ
เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย หรือถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องเลิกกินไอ้เจ้านั้นไปเลย!

*เรน กินหมากฝรั่งทีหมดแผงเลยแฮะ!

*เรน ไม่สูบบุหรี่!!!

*เรน เป็นคนขี้เหงา ต้องการเพื่อนๆ แต่เพื่อนๆไม่ต้องการคุณ คริ คริ...

*เรน เป็นคนขี้โวยวาย เพราะเพื่อนๆไม่ค่อยสนใจคุณ คุณเลยต้องออกอาการเม้งแตกแบบนั้น

*เรน ก็เหมือนเด็กผู้ชาย(แสบๆ) จนนึกไม่ถึงว่า ไอ้เด็กคนนี้ แม่...งทำไปได้

*เรน ลืมตัวว่าเขาเป็นดาราที่ดังมากๆคนหนึ่ง แต่ไปร้อง วู้ วู้ ให้กับคนอื่น ราวกับว่าคนๆนั้นเป็นดาราดัง (อ้าว! แล้วแกอะ..เป็นใคร)

*เรน เป็นคนแข็งแรงมากกกกๆๆๆๆ เพราะสามารถเต้นได้ตั้งแต่4ทุ่ม Non-stop จนถึงตี2
ได้หน้าตาเฉย ไม่มีอาการใดๆ และดูเหมือนว่าจะสนุกเอามากๆ เด็กหนอ! เด็ก

*เรน ชอบภูเก็ตมากๆ จนคนกรุงเทพ(บางคน)เกิดอาการหมั่นไส้!

*เรน เป็นคนชอบเอาชนะคน แต่เกมวอลเลย์บอลที่ชายหาดครั้งนี้ เขาเป็นฝ่ายแพ้!
(และไม่ต้องใช้เสียงข่มขวัญคู่ต่อสู้หรอก เพราะดูเหมือนเขาไม่ได้กลัวคุณเลย)
แต่ได้ความสะใจล่ะสิท่า! เพราะได้แกล้ง ซองทัก (janejz: ซองทักคือหนึ่งในแดนซ์เซอร์ของเรน)

*เรน เป็นคนขี้สงสัย ครั้งหนึ่งที่ภูเก็ต (ไม่ต้องแลบลิ้นก็ได้นะ) เรน มันสงสัยว่าทำไม
เวลาที่มีคนซื้อแตงโม คนขายต้องเคาะลูกแตงโมก่อน จนไปขอพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ทั้งเคาะทั้งผ่าเลยเอ้า! เฮ้อ!ไอ้หนูจำมัย

*เรน เป็นคนหนึ่งที่สามารถเล่นกีฬาทางน้ำได้เก่งคนหนึ่ง โดยเฉพาะ Jet Ski

*เรน เป็นคนที่ท้าพนันกับเพื่อนว่า ถ้าใครเต้นผิดในคอนเสิร์ตครั้งนี้ จะต้องเป็นคนเลี้ยง
ขนมเพื่อนๆทุกคน เมื่อถึงตอนที่ไปเที่ยวภูเก็ต

*เรน เป็นคนที่เต้นผิดบนเวทีคอนเสิร์ต ! (อ้าว!)+555
~ อันนี้มีหลักฐานจากงานคอนเสิร์ตวันที่ 26 ในเพลง It’s Raining ไปดูได้ หุ หุ หุ

*เรน เป็นคนที่มีเงินแบงก์ยี่สิบเพียบ....เมื่อตอนที่อยู่ที่ภูเก็ต
เพราะไม่รู้ว่าตอนไหนที่เพื่อนจะรุมไถ่เงินไปซื้อขนมกินอะเด่ะ +555

*เรน ชอบกินผัดไทมากๆ วันนั้นที่ภูเก็ตซัดไปทีเดียว 2 จานนะ

*เรน ชอบกินแตงโมมากๆ

*เรน ป้องกันแดดให้กับตัวเองโดยการใส่เสื้อแขนยาวทั้งๆที่อากาศร้อน(ตับแทบแตก)
แต่นั้นก็ไม่ช่วยให้เขามีรอยไหม้จากแดด น่าสงสาร

*เรน เป็นเด็กแสบ โคตรแสบเลย!

*เรน ไม่ชอบโดนขัดใจ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะห้ามเขา เขาก็ยังจะไม่ทำตามที่คุณบอก
แถมบางทีเราก็อาจจะได้เห็น เรน งอนพร้อมท่าเบ้ปากพร้อมกับบ่นอุบอิบ
เหมือนจะไม่เข้าใจว่าจะห้ามทำไม ก็บอกแล้วว่า เรน เป็นเด็กแสบไง! +555

*เรน เคยแอบหนีพวกการ์ดไปเที่ยว! ฮิ ฮิ ฮิ

*เรน เคยขี่มอไซด์ล้ม! แต่ดูท่าทาง เรน จะคึกมากกว่าที่จะเจ็บ เป็นงั้นไป!

*เรน สนิทกับเพื่อนแดนเซอร์ที่ชื่อว่า “นัมยัง” มากๆ

*เรน คงนึกสงสัย ว่าทำไม ดีเจ พีเค มันชอบหัวเราะ(เกินความจำเป็น)จัง

*เรน คงไม่รู้ว่า วันนั้นที่ เรน เอาเงินให้ขอทานไป 20 บาท มีคนเอาไปเขียนที่เวพต่างประเทศว่า
เรน ให้เงินขอทานไป 400 บาท

*เรน คงไม่รู้ว่า ที่ เรน บอกว่าชอบสาวๆที่ทำอาหารเก่งโดยเฉพาะ ผัดไท เลยมีสาวๆหลายคนแอบ
ไปเรียนทำผัดไท (งานนี้!ลงทุนเข้าคอร์สเรียนเฉพาะ ผัดไท เลยนะ~หุหุหุ)

*เรน คงไม่รู้ว่า แฟนๆนินทาเรื่อง “น้องสิว” ของ เรนด้วย คริ คริ...

*เรน คงไม่รู้ว่า การมาของ เรน ครั้งนี้ทำให้มีคนอีกหลายคนถึงกับต้องแตกหักกัน เพราะแกจริงๆนะเนี่ย!

*เรน คงไม่รู้ว่า เพราะ เรน ทำให้มีใครบางคนได้ออกทีวี(หลายต่อหลายครั้ง)

*เรน คงไม่รู้ว่า มีสาวๆหลายคนทุนเงินหมื่นส่ง SMS เพียงเพื่อจะได้มีโอกาสได้เจอกับ เรน!

*เรน คงไม่รู้ว่า เป็นเพราะพวกเราบางคนที่ทำให้ เรน สะดุด(เกือบจะล้ม)ที่ Air port (จริงไหมเจ๊!)

*เรน คงไม่รู้ว่า บนจอที่มีคำแปลเวลา เรน พูด ใช้คำเรตอาร์ด้วย ว่า “ผมอยากจะเอาคุณ”
(อ่านะ~พวกเราก็อยากเอาคุณ!)

*เรน คงไม่รู้ว่า แค่เปลือกหมากฝรั่งของ เรน ก็มีคนเอาไปเก็บเป็นสมบัติ !!

*เรน คงไม่รู้ว่า มีใครบางคนแอบลวนลาม เรน ด้วย ฮิ ฮิ ฮิ (หรือว่าจะรู้... แต่เต็มใจง่ะ)

*เรน คงไม่รู้ว่า การ์ด(พี่เกาฯ) แม่...งโหดเกินไป

*เรน คงไม่รู้ว่า สาวไทย ที่โชคดีคนนั้นมันพูด ขอบคุณว่ะ! เวรจริงๆ

*เรน คงไม่รู้ว่า คอนฯวันแรกที่มันไม่มันส์ เพราะ ไอ้การ์ด แม่...งห้ามพวกเราเต้น!!
แค่ลุกขึ้นยังทำไม่ได้เลย (มาดูคอนฯนะว๊อยย...ไม่ได้มาฟังพระเทศน์)

*เรน คงไม่รู้ว่า พวกแฟนๆกลัวคุณจะไปเต้นแรงเต้นกากับคอนฯของ Fort Minor +555

*เรน คงไม่รู้ว่า เราเป็นหนึ่งในสองคนที่วิ่งฝ่าด้านพวกการ์ดออกไปรับน้ำมนต์ที่หน้าเวทีจาก เรน

*เรน คงไม่รู้ว่า มีคนหลายๆคน เสียดายที่ไม่ เรนไม่ใส่ชุดขาวตอนเปียกน้ำใน (คอนฯวันแรก)
เพราะทำให้ไม่เห็นอะไรดีๆอย่างที่คาดกันไว้ (แฟนลามกเองแหละ) คริคริ

*เรน คงไม่รู้ว่า รูปที่เราอุตสาห์แบกไปในงานวัน Meet น่ะ เอาไปให้ เรน เซ็นชื่อนะ !
ไม่ได้เอาไปให้เป็นที่ระลึกก็เห็นเรนยิ้มหวานซะ! แกคงนึกว่าเราเอาไปให้อ่ะจิ ชอบล่ะสิ ของฟรี!
และอันสุดท้ายที่เราเห็นก็คือ...

*เรน งก!!!
อ้าว!เป็นงั้น...............................................................................................

Written by: Rainism (Thai Fan)
nana555
[ 20-09-2016 - 02:37:24 ]









รน (Rain) ปิดฉากโปรโมทผลงานชุดที่ 5

21 ธันวาคม 2551 ในรายการ SBS Ingygayo นักร้องหนุ่ม เรน ขึ้นโชว์เพลง Fresh Woman และ Rainism พร้อมปิดฉากโปรโมทเพลงในอัลบั้มที่ 5 ในรายการเพลงประจำสัปดาห์เป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากผลงานชุดที่ 4 ที่วางจำหน่ายในปี 2006 เรนก็มุ่งหน้าสู่ต่างประเทศเพื่อร่วมงานภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ก่อนกลับมายังเกาหลีและออกอัลบั้มที่ 5 อีกครั้งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ Rainism

เรน คัมแบ็ตพร้อมกับเพลง Rainism และ Love Story ที่ได้รับความนิยมจากแฟนๆด้วยการขึ้นติดชาร์ตเพลงต่างๆเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเขาก็โปรโมทเพลง Only You เป็นเพลงถัดมาก่อนปิดท้ายด้วย Fresh Woman ที่ออกอากาศตลอด 3 วันที่ผ่านมากับ Music Bank, Music Core และในวันนี้กับ Ingygayo

เรนเปิดเผยว่าเขายังได้วางแผนที่จะขึ้นเวทีในมหกรรมเพลงในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย

ต้นสังกัด J Tune Entertainment เปิดเผยว่า "ถึงแม้ว่าเรนจะยุติการโปรโมทผลงานอัลบั้มชุดที่ 5 ลงแล้วในวันนี้ แต่เขาจะยังคงขึ้นโชว์ในมหกรรมเพลงปลายปีนี้ต่อไปครับ"

อนึ่ง ในวันนี้ผู้ที่คว้า Multizen Song อันดับที่ 1 ไปได้ก็คือ แบกจียอง (Baek Ji Young) นั่นเอง


ที่มา : PINGBOOK ENTERTAINMENT - http://www.pingbook.com - หากนำข่าวไปใช้กรุณาให้เครดิตเว็บไซต์ด้วย
nana555
[ 20-09-2016 - 02:39:03 ]









KBS Happy Sunday "Immortal Songs" program

cr : DC rain gall
nana555
[ 20-09-2016 - 02:39:28 ]







nana555
[ 20-09-2016 - 02:44:01 ]







ภาพเรน (Rain) เล่นเกมบนมือถือ ขณะรอขึ้นรถไฟใต้ดิน
เขียนโดย peary เมื่อ 8 มกราคม, 2010 - 03:45



ภาพเรน (Rain) ที่ใช้รถไฟใต้ดิน และกำลังเล่นเกมบนมือถือของเขากำลังหัวข้อที่คุยกันในชาวอินเทอร์เน็ท

ในวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ภาพของเรนนี้ถูกอัพโหลดโดยจี.โอ (G.O) จากวง MBLAQ ในโฮมเพจของเขา
โดยที่เขาใช้ชื่อว่า “ประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน” และจี.โอยังเขียนเพิ่มอีกด้วยว่า
“พี่...กรุณาเลิกเล่น Go Stop (ชื่อเกม) เถอะครับ” ซึ่งโพสท์นี้ถูกใจแฟนๆ หลายคนที่เข้าไปเยี่ยมชมโฮมเพจของจี.โอ

ในวันนั้นเรนได้เดินทางไปฉลองวันเกิดให้กับเพื่อนร่วมงานในบริษัท แต่เนื่องจากหิมะตกหนักจึงทำให้เขาต้องหันมาใช้รถไฟใต้ดินแทน

Credit : blike.net
nana555
[ 20-09-2016 - 02:45:56 ]







0-01-24 Rain Bi Underwear Special Gift For Facebook/Twitter Fans

www.6to5.kr
source: J. Tune Creative Facebook



nana555
[ 20-09-2016 - 02:47:38 ]







100205 Rain with MBLAQ, Jo Dong Won & Bang Hyo Sun

nana555
[ 20-09-2016 - 02:48:10 ]







nana555
[ 20-09-2016 - 02:48:46 ]







nana555
[ 20-09-2016 - 02:49:02 ]







<a href="http://upic.me/show/10824723" target="_blank"><img border="0" src="http://upic.me/t/3q/r6022.jpg"></a>
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้

เว็บนี้มีการใช้งาน cookie
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ