เจ้าชายทั้ง 13, EPop magazine
Don't Don Super Junior พลังแห่งเจ้าชายทั้ง 13, ผู้ซึ่งทำหน้าที่ของแต่ละคนได้อย่างดีเยี่ยม
EPop (E): ฮีชอลเป็นคนที่มีสไตล์การแต่งตัวที่ค่อนข้างโดดเด่น, คุณคาดหวังอยากจะให้แฟนสาวในอนาคตของคุณแต่งตัวแรงๆ แบบเดียวกับคุณมั๊ย ?
HeeChul: ไม่ครับ! ผมไม่อยากให้แฟนของผมแต่งตัวน้อยชิ้น, หรือแต่งตัวแรงๆ มากเกินไป, จริงๆ แล้วผมเป็นคนค่อนข้างจะหัวโบราณนะครับ. (E: ให้เกียรติคนที่คบกัน ?) เอ่อ, มีอยู่ครั้งนึงผมอยากขอแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมชอบ, แต่เธอกลับบอกว่าเธอมีคนอื่นที่เธอชอบอยู่แล้ว. ผมเลยพูดกลับไปว่าถ้าผมรู้ว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว, ผมก็คงจะไม่ปฏิบัติตัวกับเธอแบบนี้, และเธอเองจะได้ไม่ต้องเจ็บมากไปกว่านี้เช่นกัน...
E: ซองมินได้รับรางวัล 'ยิ้มสวยแห่งปี 2007' จากนิตยสารของเกาหลี, คุณคิดว่าทำไมคุณถึงได้รับรางวัลนี้ ?
SungMin: คงเป็นเพราะว่าผมเป็นคนยิ้มมากมั๊งครับ ! แต่จริงๆ แล้วสมาชิกในวงคนอื่นๆ ก็ยิ้มเหมือนกันนะครับ ~ แต่ทำไมผมได้รางวัลอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ ? อาจจะเป็นเพราะภาพลักษณ์ของผมดูเป็นคนอ่อนโยนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย, ให้ความรู้สึกน่ารักและสบายใจเวลาอยู่ใกล้. แต่แฟนคลับบางคนก็บอกว่าผมเป็นคนเฉยๆ , อาจเป็นเพราะจริงๆ แล้วผมไม่ได้สนิทกับทุกคน, แต่ผมก็จะทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรอยู่เสมอนะครับ...
E: เยซองและสมาชิกคนอื่นๆ มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างไรบ้างที่หอพัก ?
YeSung: ในหอพักของเรา, ก็จะมีผม, รยออุค, ซองมิน, อึนฮยอกและคยูฮยอน. หน้าที่ของพวกเราแต่ละคน, ผมจะเป็นคนทำความสะอาดห้อง, ซองมินก็จะชอบจัดห้องของเค้า, รยออุคทำอาหารเก่งที่สุด, รยออุคจะทำอาหารให้ทุกคนกิน, เหมือนเป็นแม่เลยครับ! ส่วนคยูฮยอนตอนนี้ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี, ส่วนใหญ่ก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านของเค้า, แต่ก็มีบ้างที่มาพักกับพวกเราครับ.
E: การทำหน้าที่เป็นหัวหน้าของ SJ, สมาชิกคนอื่นๆ ได้ช่วยเหลือคุณบ้างหรือเปล่า ? แล้วถ้าตอนไหนที่คุณไม่ว่าง, ใครจะมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวงคนที่ 2 คอยมาดูแลสมาชิกในวง ?
LeeTeuk: หัวหน้าคนที่ 2 หรอครับ จริงๆ เราเคยคุยเรื่องนี้กันมาบ้างแล้วนะ! แต่ผมก็คิดว่าหน้าที่หัวหน้านั้นเหมาะกับผมมากที่สุด, ฮ่า! แต่ถ้าผมต้องเลือก, ผมคิดว่าคงจะเป็นคังอิน, เมื่อก่อนเค้าเคยช่วยผมมากเลย, แต่ตอนนี้ตารางงานของเค้าเองก็ยุ่งมาก, เลยไม่ค่อยได้มาช่วยมากนัก. รู้สึกว่าตอนนี้จะเป็นอึนฮยอกหรือไม่ก็ทงแฮที่จะมาทำหน้าที่เป็น ‘หัวหน้าวงคนที่ 2’. พวกเค้าเชื่อฟังผมมากครับ, แล้วก็จะคอยถามผมบ่อยๆ ว่า 'พี่ครับ, พวกเราลองพยายามใหม่อีกครั้งดีมั๊ยครับ ? พี่คิดยังไงบ้าง ?' ผมเองก็จัดรายการวิทยุกับอึนฮยอก, เราสองคนเลยได้คุยกันบ่อยเกี่ยวกับการพัฒนาวงในอนาคต.
E: ซีวอนเป็นคนที่ได้รับความนิยมมาก ไม่เพียงแต่ที่จีน, ฮ่องกงและไต้หวันเท่านั้น, แต่คุณก็โด่งดังมากที่ประเทศไทย ?
SiWon: ผมเคยไปถ่ายโฆษณาที่ประเทศไทยหลายครั้งครับ, ผมรู้สึกประทับใจมากเพราะแฟนๆที่นั่นได้มอบความอบอุ่นให้ผม, มีความสุขมากๆ เลยครับ. ผมว่าคนไทยน่ารักนะครับ, ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนสนิท, เหมือนที่เกาหลีเลยครับ, ผมไม่รู้ว่าผมคิดเยอะเกินไปหรือเปล่า, แต่ผมคิดว่าคนไทยมีดวงตาที่สวยมาก, ผู้หญิงในอุดมคติของผมต้องเป็นคนที่ตาสวยครับ!
E: ได้ยินมาว่าตอนแรกที่ฮันเกิงเข้ามาเป็นสมาชิกของ SJ, อึนฮยอกก็แกล้งโกหกฮันเกิงซะแล้ว ?
EunHyuk: ฮ่าฮ่า! เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยคิบอม, ตอนที่ฮันเกิงเข้ามาที่บริษัทเป็นครั้งแรก, พวกเราแต่ละคนก็แนะนำตัวเองกัน. ผมก็บอกไปว่าผมน่ะชื่อ ‘วอนบิน', แล้วตอนนั้นเด็กฝึกหัดชาวจีนที่ชื่อฮันเกิงก็เรียกผมว่า ‘วอนบิน’ อยู่ตั้ง 3 เดือน !!!
E: คุณคิดว่าคุณคล้ายวอนบินหรอ
EunHyuk: ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะทีเดียวหรอกครับ, ก็แค่ตอนที่ผมหัวเราะ, คนก็จะมองเห็นเหงือกของผม, และผมเคยเห็นวอนบินในโทรทัศน์, ตอนที่เค้ายิ้มก็มองเห็นเหงือกของเค้าเหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมคล้ายวอนบินครับ!
E: ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา, อะไรคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของคุณ ?
HanGeng: การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของผมก็คือผมรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น. (E: แล้วคุณได้มีการพัฒนาในด้านไหนบ้าง?) เกี่ยวกับการพัฒนาและปรับปรุงตัวเองนั้น, ตัวผมเองเริ่มจากการเป็นนักร้อง, แต่ผมเองก็ต้องเรียนรู้ในสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากการร้องเพลง, อย่างเช่นเรียนการแสดง หรือฝึกเป็นพิธีกร, ตอนนี้ตัวผมเองก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก. สิ่งที่ผมพัฒนาขึ้นมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องของความมั่นใจ, เปรียบเทียบกับสมัยที่เดบิวท์ใหม่ๆ , ตอนนี้ผมมีความมั่นใจที่จะทำทุกๆ อย่าง, ผมรู้สึกว่านี่แหละคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของผม!
E: อยากให้เล่าถึงการไปโปรโมตเพลงในต่างประเทศที่คุณประทับใจมากที่สุด!
KangIn: คงจะเป็นครั้งแรกที่เราไปแสดงที่จีน! เราไปร้อง 3 เพลง, ทีแรกผมก็นึกว่าจะมีคนรู้จักเราไม่มาก, หรือไม่ก็อาจจะมีคนที่ไม่เคยฟังเพลงของพวกเรา, ผมไม่คิดเลยว่าตอนที่ร้องเพลงอยู่บนเวที, จะมีคนจำนวนมากร้องเพลงตามพวกเราได้, และผมก็ได้ยินริงโทนของแฟนเพลงที่ตั้งเป็นเสียงเพลงของพวกเรา. ทำให้ผมประหลาดใจมาก, มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ. การแสดงที่จีนครั้งแรกของพวกเราก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี, ผมมีความสุขและก็พอใจมากๆ ด้วย!
E: พวกคุณมีชื่อเล่นที่เอาไว้เรียกตอนอยู่ด้วยกันมั๊ย ?
DongHae: เราก็ตั้งชื่อเล่นของแต่ละคนเอาไว้, แต่เราไม่ค่อยได้เรียกกันบ่อยๆ. ทำไมพวกเราเรียกซองมินว่า 'Dan HoBak' น่ะหรอครับ ? ก็เพราะว่าตอนเค้าถ่ายละคร, มันจะมีบทพูดที่ว่า ‘ซื้อ Dan HoBak (ฟักทองหวาน) ให้ผมด้วยนะ ', เราก็เลยตั้งชื่อเล่นให้เค้าว่า 'Dan HoBak'. ส่วนคยูฮยอนเค้าเป็นคนที่ติดเกมและติดละครมาก, เค้าเล่นเกมได้เก่งจริงๆ, ถึงขั้นเป็นมือโปรแล้ว, บางครั้งเราจะเรียกเค้าว่า 'Game Kyu', หรือถ้าตอนเค้าดูละครเราจะเรียกว่า 'Dra Hyun'.
E: ยินดีกับคยูฮยอนด้วยที่ได้กลับมายืนบนเวทีในฐานะสมาชิก SJ อีกครั้ง! มีอะไรอยากบอกกับคนที่คอยให้กำลังใจคุณมั๊ย ?
KyuHyun: สำหรับเอลฟ์และทุกๆ คนที่คอยให้กำลังใจผม, ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี. แม้ว่าผมจะไม่ได้หายไปไหนนาน, แต่ผมก็รู้สึกว่าเป็นเวลาที่นานมาก, หลังจากที่ผมไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีประมาณ 2-3 เดือน, พอได้กลับมายืนอีกครั้ง, ผมรู้สึกประหม่ามาก. แล้วตอนนั้น, ผมได้ยินเสียงที่ดังมาก, มันเป็นเสียงที่ทำให้ผมซาบซึ้งใจ. ความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมได้ยืนบนเวทีครั้งแรก, ผมจำไม่ได้เลยว่าผมทำอะไรไปบ้าง, ผมรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง. ความรักของแฟนๆ ได้กลายมาเป็นพลังของผม, ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว! เพื่อตอบแทนความรักของทุกคน, ผมจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่, คอยให้กำลังใจพวกเรากันต่อไปนะครับ ! ผมรักเอลฟ์!!
E: คิบอมเคยอยู่ที่อเมริกา, ช่วงเวลา 5 ปีนั้นคุณได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง ? มันได้เปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตของคุณมั๊ย ?
KiBum: จากอายุ 11 จนถึงอายุ 16 ที่ผมอยู่ในอเมริกา, คงเป็นเพราะผมได้อยู่ในที่ที่มีอิสระเสรีมาก, ตอนที่มาเกาหลีใหม่ๆ ผมไม่เข้าใจในระบบอาวุโส. ว่าทำไมต้องมี 'พี่ชาย' และ 'น้องชาย', เกาหลีเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความอาวุโสมาก, ไม่เหมือนที่อเมริกา, ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทุกๆ คนก็เป็นเพื่อนกันหมด. แรกๆ เลยค่อนข้างลำบาก. แต่พออยู่ที่เกาหลีนานๆ, ตอนนี้ผมก็เคยชินแล้วครับ.(บอมจ๋าไม่อยากลองมาอยู่ไทยบ้างหรอ)
E: มาพูดถึงคนที่เจ้าเนื้อที่สุดในวงดีกว่า ชินดง, ไหนรยออุคลองบอกข้อดีของเค้าหน่อยซิ ?
RyeoWook: ข้อดีของพี่ชินดงก็เป็นตอนที่ไม่ว่าผมจะทำอะไรให้กิน, พี่เค้าก็จะชอบทุกอย่าง, ถ้าผมมาทำอาหารตอนดึกๆ , คนที่จะต้องมากินทุกครั้งก็คือพี่ชินดง. เค้าไม่ค่อยจู้จี้เรื่องอาหารการกิน, แล้วไม่ว่าพี่เค้าจะกินอะไรมันก็ดูน่าอร่อยไปหมด. แล้วถ้าผมอยากจะไปไหน, พี่เค้าก็จะไปกับผม, เวลาผมเหนื่อยหรือเหงาพี่เค้าก็จะคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ.
E: มาที่รยออุค, ชินดงมีอะไรอยากจะบอกเค้ามั๊ย ?
ShinDong: รยออุคชอบทำอาหารมาก, และสมาชิกวงคนเดียวที่กินก็คือผม! มันช่างทรมานจริงๆ เลย, ทำไมเค้าต้องให้ผมชิมอาหารที่เค้าทำอยู่เรื่อยเลย ? เค้าจะเป็นคนประเภทที่ว่า, เมื่อเห็นใครกำลังชิมอาหารของเค้า, เค้าจะรู้สึกพอใจมาก. แล้วยิ่งตอนที่ผมกินหมด, เค้าจะมีความสุขมาก, ตอนนี้ผมเลยเป็นคนเดียวที่อ้วนขึ้นๆ, เค้าไม่เห็นอ้วนบ้างเลย. ผมว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างนะ, ต่อไปเรามากินอาหารพร้อมๆ กันเถอะ ตกลงมั๊ย ?
Credit: BLG + EPop
Translated by Vivimonroll@sapphire-sg.org
Translated To Thai by jpeg @ sjcelebs
http://sjcelebs.invisionplus.net
**กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด**
