♥ FEI LUN HAI_S.H.E_DT FAMILY ♥

ขอบคุณ ภาพอาหลุนตาก tang057 ที่ Fahrenheit Thailand Fanclub ด้วยค่ะ

แอ็บกานทั้งคู่

ไม่เปงไรค้าบบบผม เด่วขอไปหาก่อนน้า ภาพอาหลุนนี่หายากส์

จากเด็กหนุ่มสู่ชายหนุ่ม

Sunday Febraury 17, 2008 Sunday

Thanks to _starstunner_ @AF for sharing

Source: Teenage, March edition

Thai Translation by FRH THAI KINGDOM

---------------------------------------------------------------------

อีกครั้งกับอัลบั้มใหม่ของพวกเขา สี่หนุ่มเฟยหลุนไห่ได้กลับมาอีกครั้งแล้วกับชื่อเสียงที่โด่งดังเช่นเดิม Bang Wei-tin ได้ไปพูดคุยกับสี่หนุ่มฮ๊อตเพื่อดูว่า พวกเขาได้เติบโตขึ้นแค่ไหนแล้ว ...


การรัศมีนั้นเป็นเรื่องที่บรรดาศิลปินทั้งหลายที่ก้าวไปถึงจุดสุดยอดแล้ว มีกัน และสำหรับเฟยหลุนไห่แล้ว ทั้งสี่หนุ่มนั้น ไม่มีปัญหาใดๆกับการนำตัวเองให้มาอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลน์ได้เลย ตั้งแต่การวางแผงอัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 2006 ต้าตง แคลวิน หย่าหลุนและอู๋จุน ได้กลายเป็นบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทีสุดที่เคยมีมาในวงการเพลงป๊อปภาษาจีนกลาง นับตั้งแต่ F4 เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 2000 อัลบั้มล่าสุดของพวกเขา Two-side Fahrenheit ซึ่งเพิ่งวางแผงไปในเดือน มค ที่ผ่านมาได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จไปทั่วทุกมุมโลก


ไม่หยุดยั้งในเรื่องดนตรี


สำหรับแฟนๆแล้ว มันเปรียบได้กับการรอคอยที่ทรมาณกว่าหนึ่งปีกับอีกสี่เดือน เพื่อรอคอยอัลบั้มนี้สำเร็จลุล่วง แต่พวกเขาไม่ได้เคยคิดมาก่อนด้วยว่า ดนตรีในอัลบั้มใหม่นี้ จะแตกต่างไปจากดนตรีแบบที่เฟยหลุนไห่เคยเป็นมา มันทั้งดูยิ่งใหญ่ขึ้น และดีมากขึ้นด้วยอย่างชัดเจน!


"ปี 2007 นั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากๆสำหรับพวกเรา พวกเราทั้งสี่ได้มีงานเดี่ยวของแต่ละคน และเราต้องทำการเลื่อนวันวางแผงอัลบั้มของเราจากหน้าร้อนปีที่แล้ว มาเป็นตอนนี้ และได้ใช้เวลากว่าครึ่งปีในการอัดเสียง ดังนั้นเราจึงสามารถแสดงตัวตนของเราออกมาได้มากยิ่งขึ้น และมีการเตรียมตัวที่มากขึ้นและดียิ่งขึ้นไปสำหรับอัลบั้ม Two-side เพื่อแฟนๆทุกคน "


งานที่ยากลำบากของพวกเค้านั้น ได้รับการตอบแทนที่เหมาะสม อัลบั้มของพวกเขาได้ถูกสั่งจองทันทีถึง 50.000 แผ่นจากเหล่าแฟนๆที่คลั่งไคล้พวกเขา และถ้าหากตัวเลขนี้ไม่ทำให้คุณประทับใจพอ ลองมาดูความประสบความสำเร็จระดับแพลตตินั่มของอัลบั้มพวกเขาในหลายๆประเทศทั่วเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเป็นสุดยอดของพวกเขา แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาของการตกต่ำของวงการเพลงป๊อปก็ตาม


ในขณะที่อัลบั้มก่อน เฟยหลุนไห่จะเน้นเพลงช้า อัลบั้มนี้ เฟยหลุนไห่ได้เพิ่มความหลากหลายมากยิ่งขึ่น และมีกลิ่นอายของป๊อปร๊อครวมไปถึงการแร๊ฟด้วย ในฐานะโฆษกประจำวง แคลวินได้พูดอย่างขำๆว่า "ใช่แล้วฮะ และผมก็ได้แร๊ฟด้วยหนึ่งเพลง มันเป็นครั้งแรกของผม มันยากแต่ก็ให้ผมได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆฮะ"


จุนได้เสริมด้วยว่า "อันที่จริงแล้ว ทุกคนต่างก็ได้ลองทำอะไรใหม่ๆในเพลงหมดฮะ อย่างในเพลง Living For You เราได้ฟังมันซ้ำแล้วซ้ำอีกและร้องใหม่อีกครั้งเพื่อให้ได้อารมณ์ที่ถูกต้องอย่างที่เราอยากได้ให้มากที่สุด สำหรับเพลง Don't Know How To Love เราก็ต้องพยายามประสานเสียงของพวกเราให้ได้ ท่อนที่ยากที่สุดก็คือเพลง The Art of Love ซึ่งเราต้องเปลี่ยนคีย์เสียงจากคีย์หนึ่งไปคีย์หนึ่งให้ราบรื่น ยากมากๆเลยฮะ" (ขอหน่อยเต๊อะ ... แค่นี้ทำเป็นยาก ... อะโด่ .... )


ความยุ่งยากอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตอัลบั้ม แต่พวกเขาก็เห็นฟ้องกันว่า พวกเขาชอบการเตรียมการอัลบั้มมากๆ รวมไปถึงตอนที่พวกเขาต้องไปถ่ายทำเอ็มวีด้วย พวกเขาได้โอกาสเล่นเอ็มวีร่วมกับรุ่นพี่อย่างวง SHE ในเพลง New Home พวกเขาทั้งเจ็ดได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน ร่วมกันเต้นเพลงวอลซ์ และแม้แต่นอนร่วมกันบนเตียงเดียวกัน! และในเอ็มวีเพลง Living For You พวกเขาก็ได้แต่งตัวเป็นเทวดากัน ขาดไปเพียงแค่พิณในมือและมงกฎดอกไม้แค่นั้นเอง


พวกเขาบอกว่า เพลงของพวกเขานั้น เน้นเกี่ยวกับคู่รัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากฝ่ายชายหนุ่ม พวกเขาทั้งสี่ได้หยอกล้อกันว่า "ถ้ามีเทวดาจริงๆล่ะก็ ช่วยให้เราได้เจอผู้หญิงที่ดีและสวยๆมาเป็นแฟนด้วยเถอะ"


วิธีการเอาชนะ


เป็นที่น่าโชคร้ายของเหล่าเฟยหลุนไห่และแฟนๆที่น่ารักของพวกเขาทั่วเอเชีย ความปรารถนาของพวกเขาไม่มีทางเป็นจริงไปได้ ตราบใดที่ตัวพวกเขายังถูกมัดไว้กับงานที่แน่นเอี๊ยดแบบนี้ พวกเขาทุกคนยกเว้นแคลวิน ต่างอยู่ในระหว่างการถ่ายทำละคร !! (ขอบคุณนะ เน้นทำไม รู้แล้วว่าไม่ดังเว้ยยยยยยยยยย อิแคลมันต้องเรียนโทและเล่นหุ้นมาเลี้ยงเมีย ไม่ว่างไปถ่ายละครหรอก ชริ)


ตารางงานที่ยุ่งวุ่นวายและอาชีพของพวกเขาทำให้พวกเขาทั้งสี่ไม่สามารถมีชีวิตแบบปรกติได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดหยั้งไม่ให้พวกเขาออกทัวร์เอเชียในเดือน ธ ค ปีนี้ได้! จุนนั้นเกือบจะระงับความตื่นเต้นไม่อยู่เมื่อเล่าให้เราฟัง "เราทั้งสี่คนมีความฝันอย่างเดียวกันมาเสมอเลยฮะ ว่าจะได้มี world tour กับเค้าบ้าง และเราก็พยายามอย่างหนักเพื่อจะไปถึงจุดนั้น ตอนนี้ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะได้มีคอนเสริตเป็นของเรากันแล้ว !"


ต้าตงกล่าวเสริมด้วยว่า "พวกเราแทบจะทนรอบไม่ไหวที่จะออกทัวร์และแสดงต่อหน้าเหล่าแฟนที่น่ารักของเราแล้วฮะ !"


ไม่ว่าโชว์จะออกมาเป็นแบบไหน แต่เราก็แน่ใจว่าทั้งสี่จะพยายามอย่างดีที่สุดสำหรับแฟนของพวกเขา ที่เป็นเป้าหมายหลักของพวกเขาอย่างแน่นอน เคยมีข่าวให้เราเห็นมาแล้วว่า พวกเขายืนหยัดแจกลายเซ็นต์ให้กับแฟนที่มาร่วมงานของพวกเขาถึงตีหนึ่งมาแล้ว !


แคลวินบอกว่า "ตลอช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เมื่อผมได้เห็นพี่น้องของผมต้อตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปถ่ายละครและกลับมาร่วมงานโปรโมทตอนบ่าย พวกเขาดูเหน็ดเหนื่อยมากๆ ผมเลยคิดว่าไหนๆตอนนี้ก็เป็นผมคนเดียวที่สามารถนอนยาวถึงแปดชม ได้ บางที ผมน่าจะเสียสละเป็นคนเดียวที่ออกโปรโมทอัลบั้มและให้พี่น้องของผมพักนะ" (มุขฝืดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก --")


สำหรับไอเดียนี้ ต้าตงได้ตอบว่า "แคลวินน่ะ มักจะร่าเริงอยู่เสมอ ต่อให้เราเหน็ดเหนื่อยมาแค่ไหน ตราบใดที่มีเค้าปล่อยมุข (ฝืดๆอ่ะเหรอ) ให้เราฟัง เราก็ได้จะได้รับ พลัง ที่เราต้องการทันที"(แบบว่า ฝืดจนลุกขึ้นมาไล่เตะอ่ะเหรอ)


พี่น้องชั่วชีวิต


ด้วยความสนิทสนมอย่างมากระหว่างสี่หนุ่ม พวกเราก็ได้แต่ประหลาดใจที่มักจะเห็นข่าวลือเรื่องของความไม่ลงรอยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างต้าตงและจุน ที่ตกเป็นข่าวว่าไม่ถูกกัน ทั้งคู่ได้ตอบว่า “มันไม่มีเรื่องไม่ชอบกันหรืออะไรทั้งนั้นหรอกฮะ พวกเราทั้งเล่นหัวกัน แถมแซวกันไปมาตลอดเวลา พวกเราก็เหมือนกับเป็นพี่น้องกันล่ะฮะ”


เมื่อดูจากการหยอกล้อกันเองแบบสบายๆในระหว่างงานแถลงข่าวที่ฮ่องกงแล้ว ก็บอกได้เลยว่า พวกเขาดูสนิทสนมกันมากไปกว่าเมื่อก่อนเสียอีก หย่าหลุนบอกว่า “ในช่วงหนึ่งปีกับสี่เดือนที่ผ่านมา พวกเราได้มีหลายๆอย่างเปลี่ยนไปมาก ทั้งเรื่องความเป็นเพื่อนของเรา การเข้ากันได้ระหว่างกัน รวมไปถึงเรื่องการแสดงและการร้องเพลง ทั้งหมดได้เติบโตขึ้นอย่างมากฮะ”


และก็เป็นอย่างเคย แคลวินผู้เป็นโฆษกของวงจะเป็นคนสรุปทุกสิ่งทุกอย่าง เขาได้สรุปเรื่องมิตรภาพระหว่างพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ “บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่เราออกอัลบั้มแรกนั้น เราก็ค่อนข้างจะคุ้นเคยกันเองอยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นว่า สร้างความรู้สึกต่อคนภายนอกว่าเรานั้นไม่สนิทกัน แต่ว่า พอได้ทำงานร่วมกัน ทั้งในการโปรโมทอัลบั้มและทำงานร่วมกันมากขึ้น เราก็ยิ่งเข้ากันได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ปรกติแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เรามีข้อขัดแย้งกัน สิ่งที่เราจะทำก็คือพูดมันออกมาให้หมด และร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วยกัน เพราะว่าเรานั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว”


เด็กผู้ชาย ยังไงก็เป็นเด็กผู้ชาย


เมื่อแคลวิน หย่าหลุน จุนและ ต้าตงพูดคุยกัน เราสามารถจับได้ถึงความเป็นเด็ก และความรักสนุกที่ซ่อนอยู่ในตัวพวกเขาได้ มันก็เหมือนอย่างที่พวกเขาเคยเป็นกันมาตลอด เราลองยกตัวอย่างคำพูดขำๆที่พวกเขาคุยกันเองมาให้ทุกคนลองฟังกัน ...


Teenage: อัลบั้มนี้ ชื่อว่า Two-Sided Fahrenheit พวกคุณลองบอกเราถึงด้านที่ไม่มีใครรู้ของพวกคุณหน่อยสิ ...


แคลวิน : ผมมักจะถูกคนอื่นคิดว่าเป็นคนเงียบๆ ครุ่นคิดและพูดจาประนีประนอม แต่จริงๆแล้ว ผมเป็นคนรั่วมากฮะ และก็ชอบเล่นบ้าๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาไปเที่ยวคาราโอเกะฮะ.


หย่าหลุน: ไม่ต้องห่วงไปหรอกพี่แคล ผมคิดเสมอว่าพี่น่ะเป็นคนที่หนวกหูและรั่วตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะ อืม สำหรับผมเหรอฮะ ผมเป็นคนไม่ค่อยอดทน และก็เป็นเด็กอยู่ในบ้างครั้งฮะ ฮ่าๆๆ (ถูกใจมากลูกแม่ แม่ก็อยากจะถามพ่อแกเหมือนกันว่าที่พูดมาอ่ะ อายปากมั่งมะ ก๊ากๆๆๆ)


ต้าตง : ผมอาจจะเล่นละครตลกมาหลายเรื่อง แต่จริงๆแล้วผมเป็นคนค่อนข้างเงียบนะฮะ ผมชอบจะซุกตัวอยู่ตรงมุมๆ และคิดอะไรไปเรื่อยๆ บางทีผมอาจจะเหมือนคนราศีกันย์ก็ได้ ผมชอบความสมบูรณ์แบบและก็ชอบคิดมากด้วย (เรื่องจริงนะคะ ตอนชอบเฟยครั้งแรก ยังงๆกับตง คิดว่าตงเป็นคนขี้เก็ก -จริงๆก็ใช่นั่นล่ะ - แต่ตงเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวและคิดอะไรไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เจอแฟนๆ ตงจะเงียบมากๆเลย)


จุน : หลายคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ต้าตงน่ะ ชอบทำตัวเป็นเด็กน้อยไปเลย เวลาเจอแม่ แถมชอบอ้อนด้วยฮะ (อันนี้ก็เรื่องโครตจริง ตงจะลดอายุลงเหลือหกขวบได้อย่างน่าประหลาดเมื่อเจอแม่ตัวเอง ก๊ากๆๆ)


ตง: เฮ้!


จุน : ฮ่าๆ ... สำหรับผมเหรอฮะ ผมชอบกินตลอดเวลา !
(มันไม่มีใครเคยรู้ตรงไหน --")