Silph | [ 25-03-2007 - 18:28:55 ] |
---|---|
![]() | ![]() ![]() เนื่องจากเนื้อหาประวัติศาสตร์จีน 2.000 ปีค่อนข้างยาวมั่กๆ จะขอสรุปแบบสั้นๆ เพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นนะครับ เริ่มจาก
ยุคเริ่มแรก จักรพรรดิเหลือง ประวัติศาสตร์จีนในช่วงนี้เป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ ข้อมูลที่ได้มามักอยู่ในรูปนิทานปรัมปรา ผสมผสานกับความเชื่อ ยุคนี้ก่อเกิดที่มาของคำว่า "ฮ่องเต้ หรือ หวงตี้" ที่ชาวจีนเชื่อว่าสืบเชื้อสายมา การปกครองเป็นแบบง่ายๆ ของทุกอย่างเป็นของส่วนกลาง ผู้นำคัดเลือกจากผู้มีความสามารถและได้รับการยอมรับ ประวัติศาสตร์ยุคนี้ จบลงจากการปฏิวัติของเซี่ยฉี่ ผู้ไม่ยอมรับกฎการคัดเลือกผู้นำจากความสามารถ (เขาเป็นบุตรชายของเซี่ยหวี่ ผู้นำคนก่อน) ราชวงศ์เซี่ย ราชวงศ์แรกของจีน ใช้หลักสืบอำนาจโดยสายเลือดเป็นครั้งแรก ทรัพย์สินทุกอย่างถือเป็นของเจ้าชีวิต (ยึดทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของส่วนตัว) ราชวงศ์นี้เกิดขึ้นจากการแย่งชิงอำนาจ ก็สิ้นสุดเพราะการแย่งชิงอำนาจระหว่างลูกหลาน ความไม่สนใจดูแลราชกิจของกษัตริย์ การขูดรีดภาษี การใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย นำไปสู่ความไม่พอใจของขุนนาง / ประชาชน ไปสู่การปฎิวัติของซางทังในที่สุด ราชวงศ์ซาง นำเอาบทเรียนของราชวงศ์เซี่ยมาปรับปรุงการปกครอง ใช้หลักเมตตาธรรมในการปกครอง ไม่กดขี่ประชาชน บวกกับมีขุนนางที่ดีในช่วงต้นของราชวงศ์ ทำให้อาณาจักรเข้มแข็งในระดับหนึ่ง ราชวงศ์นี้สิ้นสุด เพราะการเอาแต่พวกพ้อง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การขัดผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มต่างๆ สุดท้ายคือ การดำเนินนโยบายด้านการทหารผิดพลาดนำไปสู่การสิ้นสุดของราชวงศ์ในที่สุด ราชวงศ์โจว ยุคราชวงศ์นี้ มีความโดดเด่นด้านนโยบาย "เมืองหน้าด่าน" สร้างความเข้มแข็งให้กับอาณาจักร โดยการส่งบุตรหลาน และ ขุนนางที่มีความรู้ความสามารถออกไปปกครองหัวเมืองต่างๆ ในช่วงแรก นโยบายนี้ส่งผลดีต่อราชวงศ์โจว ผู้ปกครองแคว้นต่างๆ มีการคานอำนาจกันและกัน แต่ท้ายที่สุด ก็นำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์ เมื่อผู้ครองแคว้นต่างๆ เข้มแข็งขึ้นก็ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์โจวต่อไป นำไปสู่ยุคแห่งความวุ่นวายอีกยุคหนึ่งของจีน โจวตะวันออก ช่วงนี้ประเทศจีนแตกออกเป็นหลายแว่นแคว้น เจ้าผู้ครองรัฐต่างๆ ผลัดกันขึ้นครองความเป็นใหญ่ ช่วงท้ายของยุค คงเหลือเพียง 7 รัฐใหญ่ และในที่สุด รัฐฉิน นำโดยจิ๋นซีฮ่องเต้ก็สามารถปราบอีก 6 รัฐรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ (ยังมีต่อ) |
Silph | [ 25-03-2007 - 19:27:48 ] |
---|---|
![]() | ![]() ![]() ราชวงศ์ฉิน
มีการนำเอาประวัติศาสตร์ช่วงนี้มาทำเป็นนิยาย / ภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น จิ๋นซีฮ่องเต้, Hero, เจาะเวลาหาจิ๋นซี เป็นต้น ในจำนวนนี้ ผมชอบเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีของหวงอี้มากที่สุด เพราะสามารถสร้างตัวละครสมมติสอดคล้องเข้าไปในประวัติศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน (ซึ่งต่อมาได้การเป็นเอกลักษณ์ของงานเขียนของเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นมังกรคู่สู้สิบทิศ หรือ จอมคนแผ่นดินเดือด) ดังนั้น ในบรรดางานเขียนของหวงอี้ทั้งหมดเท่าที่มีในเวลานี้ เรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี เป็นเรื่องที่หยิบเอาประวัติศาสตร์จีนช่วงที่เก่าที่สุดมาเขียน แม้จิ๋นซีฮ่องเต้จะมีชื่อเสียงอย่างมากในการรวบรวมแผ่นดินได้เป็นผลสำเร็จ ยุติความขัดแย้งระหว่างรัฐต่างๆ ทำให้สิ้นสุดยุคแห่งสงครามและการรบราฆ่าฟันอันยาวนาน (ภาพยนตร์เรื่อง Hero จะมุ่งประเด็นในเรื่องนี้) แต่สิ่งที่พระองค์ทำหลังจากนั้นต่างหากที่สร้างชื่อให้กับพระองค์ยิ่งกว่า หลายสิ่งที่ทำเป็นการสร้างรากฐานอันเข้มแข็งต่อชนชาติจีนในเวลาต่อมา รูปแบบการปกครองในยุคนี้ เป็นแบบรวมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่จักรพรรดิเพียงพระองค์เดียว ขุนนางไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้มีการริเริ่มโครงการหลายอย่าง เช่น มีการจัดทำทะเบียนสำมะโนประชากรที่เป็นเอกภาพและเหนียวแน่นบังคับใช้ทั่วประเทศ มีการสร้างมาตรฐานระบบภาษาเขียน (พูดง่ายๆ คือ เผาทำลายหนังสือ ภาษาเขียน ห้ามการเรียนการสอนภาษาอื่นๆ แล้วก็จัดทำภาษามาตรฐานทั้งภาษาพูด ภาษาเขียน แล้วบังคับใช้) ระบบเงินตรา มาตราชั่ง ตวง วัด สิ่งต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นแกนที่คอยรวบรวมเอกภาพของแผ่นดินจีนตลอดประวัติศาสตร์กว่า 2,000 ปี มีการสร้างถนนหนทาง ลำคลองขนาดมหึมา กลุ่มคนร่ำรวยถูกย้ายให้มาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงคือเสียนหยาง เพื่อขยายความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของใจกลางประเทศ ประชาชนทั่วไปก็ถูกส่งไปยังเขตกันดารไกลปืนเที่ยงเพื่อทำไร่ทำนา พวกนักโทษอาชญากรก็ถูกอัปเปหิไปต่อสู้ป้องกันประเทศตามเขตแนวหน้าชายแดน มีการสร้างกำแพงเมืองจีนอันเลื่องชื่อเชื่อมกำแพงของแว่นแคว้นต่างๆในยุคจ้านกั๋ว เป็นกำแพงเมืองมหัศจรรย์ที่ยาวที่สุดในโลก เพื่อสกัดกั้นชนเผ่าซงหนู ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อชนชาติจีนในเวลาต่อมา ฟังเรื่องที่ดีๆ ไปแล้ว มาดูเรื่องแย่ๆ บ้าง การสังหารนักคิดนักปราชญ์จำนวนมากโดยการฝังทั้งเป็น อาทิ กลุ่มลัทธิขงจื้อกว่า 400 คน เผาหนังสือคัมภีร์ที่แตกแถว (การกระทำนี้ ทำให้มีนักปราชญ์นักคิดจำนวนหนึ่งหนีตายไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะนั้น เป็นเพียงกลุ่มชาวประมงเล็กๆ โดยนำเอาความรู้และวิทยาการต่างๆ ไปเผยแพร่ด้วย ทำให้ต่อมา ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่เข้มแข็งจนส่งผลคุกคามต่อจีนในที่สุด เรียกว่า กรรมตามทันดีมั้ยเนี่ย) เกณฑ์แรงงานทาสไปสร้างกำแพงเมือง พระราชวัง สวน และสุสานกระทั่งล้มตายกันไปเป็นเบือนับล้าน รีดนาทาเร้นส่วยภาษีจากประชาชน จิ๋นซีฮ่องเต้ใช้ชีวิตสุดหรูฟู่ฟ่า ใช้เงินราวเศษกระดาษในการท่องเที่ยวสำราญไปทั่วประเทศ การบังคับใช้แรงงานทาสอย่างทารุณอย่างไม่จบสิ้น ภาระภาษีอันหนักอึ้งของประชาชน และการลงทัณฑ์อาชญากรอย่างโหด+++ม กลายเป็นแรงกระตุ้นมรสุมแห่งความเกลียดชังและความไม่พอใจที่เริ่มพุ่งพวยและระเบิดในปลายรัชสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ และนำไปสู่การสิ้นสุดของราชวงศ์ฉินในที่สุด (ยังมีต่อ) |
Silph | [ 25-03-2007 - 22:56:08 ] |
---|---|
![]() | ![]() ![]() ราชวงศ์จิ้นตะวันออกกับ 16 แคว้นห้าชนเผ่า ต่อด้วยยุคราชวงศ์เหนือใต้
นิยายเรื่องดังของประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ได้แก่ จอมคนแผ่นดินเดือด ที่เป็นเรื่องราวของ ทัวปากุย ผู้นำเผ่าเซียนเปย ผู้รวบรวมแผ่นดินจีนตอนเหนือเป็นปึกแผ่น หลิวอวี้ สามัญชนผู้กลายเป็นกษัตริย์แดนใต้ ผู้รวบรวมแผ่นดินจีนตอนใต้ได้สำเร็จ เอี้ยนเฟย พระเอกของเรื่อง ผู้มีพ่อเป็นชาวฮั่น (เรื่องยังไม่จบ ยังไม่รู้ว่าพ่อของพระเอกเป็นใคร) แต่มีแม่เป็นชาวเซียนเปย เติบโตมาด้วยกันกับทัวปากุย และต่อมาหนีภัยมาอาศัยอยู่ที่เมืองเปียนฮวน (เมืองสมมติ อยู่ตรงกลางระหว่างทางเหนือกับทางใต้นับเป็นชัยภูมิสำคัญ) ทำให้ได้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวอวี้ด้วย ประวัติศาสตร์ช่วงนี้จะเป็น 2 ส่วน ได้แก่ จีนตอนใต้ คือ ราชวงศ์จิ้นตะวันออก ซึ่งยังคงใช้ระบบการปกครองแบบเดิมต่อไป จนนำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์ในที่สุด จีนตอนเหนือ คือ 16 แคว้นห้าชนเผ่า แบ่งได้เป็น 2 ยุคย่อย ได้แก่ ยุคต้น การสถาปนาชนเผ่า และยุคหลัง แดนมิคสัญญี 2 ยุคย่อยของ 16 แคว้นห้าชนเผ่านี้ แบ่งด้วยเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ ยุทธการณ์รบที่แม่น้ำเฝยสุย ที่ฝ่ายราชวงศ์จิ้นตะวันออกเป็นฝ่ายชนะแคว้นเฉียนฉิน ที่นำโดยฝูเจียน โดยฝ่ายใต้มีเซี่ยอานเป็นผู้บัญชาการรบ (การรบครั้งนี้ฝ่ายใต้มีกำลังรบน้อยกว่ามาก แต่กลับรบชนะอย่างงดงาม) หลังการพ่ายแพ้ กองกำลังต่างๆ ของฝ่ายเหนือที่รวมตัวกันอย่างหลวมๆ เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความสามารถของฝูเจียน ภายหลังฝูเจียนถูกลอบสังหาร ฝ่ายเหนือจึงแตกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง ทางด้านฝ่ายใต้ ซึ่งมีเซี่ยอานเป็นขุนนางที่มีความสามารถมาก ก็ถูกระแวงโดยทางราชวงศ์จิ้นตะวันออก ต่อมาไม่นานก็สิ้นชีวิตลง ทำให้ราชวงศ์จิ้นตะวันออกเข้าสู่การล่มสลายในเวลาต่อมา (หลิวอวี้ เริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยเข้ามาเป็นทหารชั้นผู้น้อย ในกองกำลังฝู่เป่ยของเซี่ยเสียน หลานชายของเซี่ยอาน เซี่ยเสียนเป็นแม่ทัพผู้มีความสามารถมาก แต่ล้มป่วยเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม) กองกำลังฝู่เป่ยเป็นกองกำลังที่จัดตั้งขึ้นโดยเซี่ยอานและเซี่ยเสียน (ตระกูลเซี่ยนับเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในยุคราชวงศ์จิ้น) รับสมัครบุคคลเข้ารับราชการทหาร โดยไม่คำนึงถึงชนชั้นวรรณะ แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของทั้ง 2 ท่านได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่คนดีมักอายุสั้น ยุคนี้เป็นยุคแห่งความวุ่นวายและเต็มไปด้วยการทำสงครามชิงอำนาจ ท้ายที่สุด ประวัติศาสตร์จีนก็จะเข้าสู่ยุคต่อไป คือ ยุคราชวงศ์เหนือใต้ ยุคราชวงศ์เหนือใต้ ยังคงแบ่งการเล่าประวัติศาสตร์ออกเป็น 2 ส่วนต่อไป คือ ราชวงศ์ทางเหนือกับราชวงศ์ทางใต้ จนกระทั่งถึงการรวมแผ่นดินสำเร็จอีกครั้งของราชวงศ์สุย |
Silph | [ 25-03-2007 - 23:34:34 ] |
---|---|
![]() ![]() | เฮ้อ เหนื่อยแล้วอ่ะ เอาไว้ค่อยต่อวันหลังนะ ^-^ |
Silph | [ 26-03-2007 - 08:40:12 ] |
---|---|
![]() | ![]() ![]() เอาล่ะ มาได้ประมาณครึ่งทางแล้ว ขอสรุปแบบสั้นอีกที ก่อนจะเล่าต่อนะ
ลำดับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์จีน เรียงตามลำดับ ดังนี้ 1. ยุคจักรพรรดิเหลือง สิ้นสุดเพราะการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง 2. ราชวงศ์เซี่ย สิ้นสุดเพราะการแย่งชิงอำนาจภายใน 3. ราชวงศ์ซาง สิ้นสุดเพราะการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เอาแต่พวกพ้อง การขัดผลประโยชน์ และการดำเนินนโยบายทางการทหารผิดพลาด 4. ราชวงศ์โจว สิ้นสุดเพราะการแข็งข้อของผู้ครองแคว้นต่างๆ 5. ราชวงศ์โจวตะวันออกหรือยุครัฐสงคราม เป็นยุคแห่งความวุ่นวายครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน เต็มไปด้วยสงครามแย่งชิงอำนาจ ผู้คนล้มตายราวใบไม้ร่วงู 6. ราชวงศ์ฉิน เป็นยุคที่มีการรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นสำเร็จเป็นครั้งแรก มีการริเริ่มโครงการหลายอย่างที่เป็นรากฐานสำคัญของจีนในเวลาต่อมา สิ้นสุดเพราะการปกครองอย่างโหด+++ม และการกดขี่ข่มเหงประชาชน 7. ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองยุคหนึ่งของจีน เป็นที่มาของคำเรียกตนเองของคนจีนว่า "ชาวฮั่น" สิ้นสุดเพราะระบอบการปกครองล้มเหลว เกิดการขัดแย้งทางชนชั้น และการลุกฮือของกบฏชาวนา 8. ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ที่จริงเป็นการตั้งราชวงศ์ใหม่ แต่ยังคงใช้ชื่อราชวงศ์ฮั่นเหมือนเดิม สิ้นสุดเพราะการเกิดกบฏโพกผ้าเหลืองทางภาคเหนือ และบรรดาเจ้าที่ดินที่มีกำลังกล้าแข็งต่างก็ฉกฉวยโอกาสนี้พากันตั้งตนเป็นใหญ่ 9. สามก๊ก เป็นยุคแห่งความวุ่นวายครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์จีน ส่วนรายละเอียด พวกเราคงพอทราบกันอยู่แล้วล่ะนะ 10. ราชวงศ์จิ้นตะวันตก ท้ายสุด ตระกูลสุมา เป็นผู้รวมแผ่นดินได้สำเร็จอีกครั้ง สิ้นสุดเพราะการขัดแย้งทางชนชั้น และการกดขี่ข่มเหงประชาชนู 11. ราชวงศ์จิ้นตะวันออก (จีนตอนใต้) กับ 16 แคว้นห้าชนเผ่า (จีนตอนเหนือ) ราชวงศ์จิ้นตะวันออก คือ ราชวงศ์จิ้นตะวันตกเดิมที่หนึลงมาทางใต้ 16 แคว้นห้าชนเผ่า คือ กลุ่มชนเผ่าต่างๆ ทางภาคเหนือที่มีกำลังเข้มแข็งขึ้น ยุคนี้นับเป็นยุคแห่งความวุ่นวายครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์จีน ช่วงนี้การเล่าประวัติศาสตร์จีน จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ทางตอนเหนือ และทางตอนใต้ ที่มีพัฒนาการแตกต่างกัน กล่าวคือ ทางตอนเหนือ มีการรุกล้ำเข้ามาอาศัยของชนเผ่าต่างๆ มากมาย ทำให้เกิดการหลอมรวมทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญ เป็นผลต่อความเป็นเอกภาพของจีนในเวลาต่อมา ทางตอนใต้ ยังคงมีการรักษาวัฒนธรรมชาวฮั่นไว้อย่างเหนียวแน่น ถือเป็นการรักษารากเหง้าของชนชาติจีนเอาไว้ 12. ราชวงศ์เหนือใต้ ต่อมาได้มีการรวบรวมแผ่นดินทางตอนเหนือและใต้ได้สำเร็จ เกิดเป็นสภาพประจันหน้ากันอยู่เป็นเวลานาน 13. ราชวงศ์สุย สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ทำการรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง แต่เสียดายที่มีบุตรไม่ดี ทำให้ราชวงศ์สุยสิ้นสุดเพียงรัชกาลที่ 2 เท่านั้น สิ้นสุดเพราะกบฎชาวนา และบรรดาข้าราชสำนักต่างทยอยติดอาวุธขึ้นตั้งตนเป็นใหญ่ 14. ราชวงศ์ถัง เดี๋ยวเอาไว้เล่าต่อนะ |
Silph | [ 26-03-2007 - 08:56:10 ] |
---|---|
![]() | ![]() ![]() เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ
แม้ว่าสุยหยางตี้ฮ่องเต้จะเป็นหนึ่งในฮ่องเต้ทรราชในประวัติศาสตร์จีน แต่เขาก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนด้วย คือ การขุดคลองต้าอวิ้นเหอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวแดนเจียงหนัน คลองต้าอวิ้นเหอ นับเป็นคลองขุดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เชื่อมการคมนาคมระหว่างจีนทางตอนเหนือและใต้เข้าด้วยกัน ทำให้การคมนาคมในยุคต่อมาสะดวกสบายขึ้นอย่างมาก แล้วมันส่งผลยังไงต่อประวัติศาสตร์จีนนะเหรอ คือว่า แต่เดิมการคมนาคมขนส่งสินค้าต่างๆ ของจีนตอนเหนือและใต้ มีอุปสรรคจากสภาพภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องใช้การขนส่งทางทะเลเป็นสำคัญ การที่ต้องขนส่งทางทะเลนี้ ทำให้จีนมีการพัฒนาการก่อสร้างเรืออย่างต่อเนื่อง (กล่าวว่า เรือในยุคนั้นของจีนเหนือกว่าเรือรบของทางยุโรปที่ยกมารุกรานจีนในหลายร้อยปีในหลังเสียอีก) การขุดคลองดังกล่าว ทำให้ความสำคัญของการคมนาคมทางทะเลของจีนลดลง การพัฒนารูปแบบการก่อสร้างเรือของจีนหยุดชะงักลง จนถึงขั้นถดถอย มาลองจินตนาการดูว่า หากไม่มีการขุดคลองดังกล่าว และจีนยังคงพัฒนาการต่อเรืออย่างต่อเนื่อง จีนอาจกลายเป็นมหาอำนาจทางทะเลไปแล้วก็ได้และประวัติศาสตร์โลกก็คงเปลี่ยนไปจากที่เราเคยรู้จัก |
เว็บนี้มีการใช้งาน cookie | ไม่ยอมรับ |