แฟนคลับ..เบยองจุน..โจอินซุง...เรน...แจดองกัน...ช่วยโพสหน่อยจ้า

น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 10:47:17 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 10:56:49 ]







Quote : Legend
Quote : น๊อตคุง
สวัสดีคุณน๊อตคุง หวังว่าคงสบายดีนะคะ


หวัดดีคับ คุณ legend สบายดีคับ
น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 11:00:32 ]







แปะข่าวยองจุง อัพเดตล่าสุด

80 นาทีในฝันกับการสัมภาษณ์ยอนซามะ
นักข่าวของนิตยสารเล่มนี้ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เบยองจุน


หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว หนุ่มยอนซามะเข้ามาในห้อง เขามองไปที่นักข่าวอย่างเป็นมิตรและนั่งลงบนเก้าอี้หนังอย่างเงียบๆ เพื่อที่จะปรับตัวแล้วเริ่มให้สัมภาษณ์ เขาถอนหายใจยาว
ในวันที่ 5 มิ.ย. มีนักข่าวถึง 6 คนที่คอยตั้งคำถามในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

อะไรที่ถัมต๊อกและยอนซามะมีความคล้ายคลึงกัน และเมื่อได้แสดงเป็นถัมต๊อกแล้ว คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

“อย่างแรกเลย สิ่งที่คล้ายคลึงกันระหว่างผมและถัมต๊อกคือความรับผิดชอบครับ ถัมต๊อกเป็นตัวละครที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริงๆและผมรู้สึกว่า ผมคงเทียบกับเขาไม่ได้ ถัมต๊อกคิดถึงประเทศชาติ ประชาชนของเขาและเรื่องของส่วนรวมเป็นสำคัญ ตอนที่ผมแสดงเป็นเขา ผมอยากจะรู้สึกถึงความรับผิดชอบนั้นและมีแรงจูงใจให้กับประชาชนในแบบเดียวกับเขา
ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักแค่ไหน แล้วผมก็รู้สึกตัวว่า ผมต้องคิดถึงและฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ มากกว่านี้”

เสียงที่ทุ้มต่ำและนุ่มนวลของยอนซามะ ให้ความรู้สึกเหมือนฟังเสียงเพลงคลาสสิคที่บรรเลงเบาๆทีเดียว

อะไรคือจุดเปลี่ยนในชีวิตของคุณ

“ผมใช้ชีวิตด้วยความเชื่อที่ว่า ในทุกช่วงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้าคือ จุดเปลี่ยนของผม ครับ นี่เป็นปีที่ 14 แล้ว สำหรับชีวิตนักแสดงของผมและแม้แต่ในตอนนี้ ทุกช่วงเวลาที่ผมเจอก็มักจะให้ความรู้สึกใหม่ๆ เหมือนตอนที่ผมเพิ่งเริ่มเดินบนเส้นทางนี้เสมอ แต่ถ้าจะให้ผมระบุว่า ชีวิตผมเปลี่ยนไปยังไง ผมเองก็จำปีที่แน่นอนไม่ได้ แต่ในปี 1998 หรือ 1999 เมื่อผมร่วมแสดงในละคร HWRL (Have we really loved?) ตอนนี้สถานีทุกช่องในเกาหลีมักจะมีเรตติ้งคนดูที่สูง เมื่อผมออกโทรทัศน์ แต่ในตอนนั้น HWRL มีเรตติ้งที่ต่ำและนั่นก็ทำเอาผมเสียความมั่นใจไปเลยทีเดียว ในช่วงที่ถ่ายทำละครเรื่องนั้น พวกเราต้องถ่ายทำกันที่เขตนอกเมืองโซล เมื่อมีกลุ่มเด็กๆที่อยู่ไกลออกไปเริ่มสร้างเรื่องยุ่ง ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะวิ่งเข้ามาหาผม เพราะผมเหนื่อยมาก ผมก็เลยอยากจะอยู่ห่างๆเด็กไว้ ผมไม่รู้ว่า ความรู้สึกของผมแสดงออกไปด้วยภาษากายรึเปล่า เพราะเด็กพวกนั้นก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ผมเลย ตอนหลังผมจึงรู้ว่า ในตอนนั้นเด็กๆเหล่านั้นไม่เห็นผมหรอก ถ้ามองจากที่ๆพวกเขาเอยู่ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ผมรู้ตัว แม้ว่าผมจะไม่ได้ตั้งใจหลีกเลี่ยงเด็กๆเหล่านั้น แต่สุดท้ายผมก็ทำอะไรแบบนั้นลงไป มันแปลกทีเดียวครับ ผมคิดว่า ผมคงหลงตัวเองและก็กังวลมากไป เหตุการณ์ตอนนั้นก็เลยทำให้ผมคิดได้ว่า นักแสดงควรจะมีสมาธิกับการแสดงมากกว่าการกังวลว่าจะได้รับความนิยมมากแค่ไหน”

ยอนซามะพูดออกมาจากใจ (ผมไม่สามารถนั่งและฟังเฉยๆได้แล้ว ในที่สุดนิตยสารเล่มนี้ก็ได้ตั้งคำถาม)

“โจเซย์ จิชิน เป็นนิตยสารรายสัปดาห์ที่มีครอบครัวในประเทศญี่ปุ่นอ่านก็อย่างกว้างขวาง”
“ผมคุ้นเคยกับมันดีครับ” ยอนซามะตอบ
เขาถือนิตยสารเล่มนั้น ซึ่งเป็นฉบับของวันที่ 24 มิ.ย. เขาพลิกหน้าในนิตยสารนั้นและยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว
“นี่เป็นนิตยสารที่รายงานข่าวเกี่ยวกับนักแสดงอันดับหนึ่ง เบยองจุน ครับ”
“ขอบคุณมากครับ” ยอนซามะพูดพลางยิ้มให้

นักข่าวถามยอนซามะ ผู้ซึ่งกล่าวขอบคุณครอบครัวของเขาเสมอๆ ว่าเขาแสดงความขอบคุณพ่อแม่ของเขาอย่างไร

มี 2 สิ่งที่เขาได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่
“พ่อแม่ของผมไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายในงานของผมเลยครับ แต่พวกเขาได้สอน 2 สิ่งให้กับผม ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก หนึ่งคือ “ซื่อสัตย์ จริงใจและไม่พูดโกหก” พวกเขาบอกผมซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้เสมอ อีกสิ่งหนึ่งก็คือ อย่าทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกอึดอัด มีคนในครอบครัวของนักแสดงคนอื่นๆ ที่มักจะตื่นเต้นและเชียร์พวกเขาอย่างชัดเจน แต่พ่อแม่ของผมเป็นประเภทที่คอยดูผมแบบเงียบๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยบอกเลยว่า พวกเขาก็ได้ดูเรื่อง TWSSG พ่อแม่ของผมยังไปดูเรื่อง AS (April Snow) ในโรงหนังและไปงานคอนเสิร์ต AS ที่ถูกจัดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้เลย “จริงๆแล้วพ่อแม่ของคุณมางานนี้ด้วยนะ” นี่เป็นสิ่งที่ผมมารู้ในตอนหลัง”

แฟนๆชาวเอเชียของคุณควรรู้เกี่ยวกับพ่อแม่ของคุณ

“เมื่อพ่อแม่ของผมปรากฏตัว แฟนๆที่รู้ว่าเป็นพวกเขาก็มีน้ำใจพอที่จะแกล้งทำเป็นไม่เห็นพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่พ่อแม่ของผมรู้สึกว่า พวกเขาสามารถไปงานต่างๆได้อย่างสบายใจ เพราะพวกเขาไม่ได้เปิดเผยตัว ผมเชื่อว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการแสดงความขอบคุณพ่อแม่ของผมคือ การแสดงให้พวกเขาเห็นว่า ผมใช้ชีวิตด้วยใจและวิญญาณ เป็นเหตุผลว่า ทำไมผมถึงแสดงความจริงใจ ความเชื่อมั่นทำงานอย่างตั้งใจและการเอาใจใส่คนอื่นก็เป็นวิธีที่จะตอบแทนความรู้สึก

ของพวกเขา ได้ดีกว่าของขวัญราคาแพงๆที่ผมจะมอบให้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกันก็คื อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าผมยังแข็งแรงดี สิ่งที่ผมเสียใจเมื่อได้รับบาดเจ็บก็คือ ผมไม่อยากจะบอกพ่อแม่ของผม แต่พวกเขาก็รู้ข่าวจากสื่อต่างๆ หลังการถ่ายทำ เมื่อผมเข้ารับการรักษา ผมบอกพ่อแม่ของผมไปว่า “ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่เชื่อข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์นะครับ สื่อต่างๆมักจะเขียนข่าวเกินจริงเสมอและผมเองก็ทำเกินไปหน่อยที่แกล้งทำเป็นว่าไม่เจ

็บเท่าไหร่ (หัวเราะ) ผมเชื่อว่าการเป็นคนที่ซื่อสัตย์และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงความศรัทธาต่อคนในครอบครัว”

นั่นเป็นคำถามสุดท้ายที่นิตยสารเล่มนี้ได้ถาม คำถามต่อไปเกี่ยวกับการแสดงของยอนซามะ
“ผมแสดงมามากกว่า 10 ปีแล้วและแต่ละครั้ง ผมก็คิดถึงความยากในการแสดง ถ้าผมต้องให้คะแนนตัวเองหล่ะก็ ผมบอกตรงๆเลยว่า ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลครับ”

งานชิ้นต่อไปของคุณคืออะไร
“ผมจะพากย์เสียงบทจุนซางในภาพยนตร์อนิเมชั่นของเรื่อง WS (Winter love song) ส่วนเรื่องละครก็มีการวางแผนไว้เช่นกัน เป็นเรื่องที่อิงกับการ์ตูนญี่ปุ่นครับ”

ใช่เรื่อง “คามิ โนะ ชิซูคุ” รึเปล่า
“คุณรู้ได้ยังไงครับ” ยอนซามะประหลาดใจทีเดียว หลังจากงานที่โอซาก้าและงานแถลงข่าว สื่อของเกาหลีก็ได้รายงานเกี่ยวกับโปรเจคล่าสุดของเขาว่า อาจจะเป็นเรื่อง “คามิ โนะ ชิซูคุ” สิ่งเป็นหนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวกับไวน์

“ผมเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้นะครับเนี่ย (หัวเราะ) ยังไม่มีการตัดสินใจอะไรเลยครับ ผมยังอ่านการ์ตูนเรื่องนั้นไม่จบเลยด้วย แต่ถ้าโปรเจคนี้ผ่านออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วหล่ะก็ ผมคิดว่า ผมอาจจะแสดงเรื่องนี้ครับ”

ในหนังสือการ์ตูนมีฉากบนเตียงรึเปล่า
“อะไรนะครับ เมื่อเป็นละคร ผมไม่คิดว่า พวกเราจะแสดงฉากแบบนั้นนะครับ”

ใน 1 สัปดาห์คุณดื่มไวน์กี่ขวด
“ก่อนที่ผมจะบาดเจ็บ ผมดื่มวันละ 1-2 แก้วต่อวัน แต่ตอนนี้หัวเข่าผมยังไม่หายดี ผมเลยไม่ค่อยได้ดื่มครับ”

คุณยังเปิดกิจการร้านอาหารอย่าง ร้าน Gosireh คุณว่า อะไรที่คุณสนุกกับมันมากกว่าระหว่างการแสดงกับธุรกิจร้านอาหาร

“ผมไม่สามารถเปรียบเทียบมันได้หรอกครับ อย่างแรกเลย ผมเป็นนักแสดงและผมก็อยากทำให้อาหารเกาหลีเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะฉะนั้นผมเลยบอกไม่ได้ครับว่า อย่างไหนที่ผมชอบมากกว่า ในญี่ปุ่น อาหารเกาหลีเป็นที่รู้จักโดยผ่านทางร้าน Gosireh และผมได้คุยกับพนักงานว่า บางทีเราอาจจะทำอย่างเดียวกันนี้ในเกาหลี ซึ่งจะทำให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้น แต่ตอนนี้ก็มีสินค้าญี่ปุ่นมากมายในเกาหลีและ มันก็เหมือนกับว่าจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นมากกว่าร้านอาหารเกาหลีแล้วด้วย เมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน นัตโตะ (ถั่วหมัก) ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ตอนนี้หลายคนรู้ว่า มันเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ผมเลยอยากจะแนะนำสิ่งต่างๆ ถ้าผมสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระหล่ะก็ ผมจะเที่ยวไปเรื่อยๆ เพื่อดูสิ่งต่างๆและผมอาจจะมีความคิดที่ว่า “สิ่งนี้น่าแนะนำนะ” แต่ผมก็รู้สึกเสียดายที่ผมไม่สามารถทำมันได้”

คุณคิดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าต่อจากนี้ คุณจะยังเป็นนักแสดงอยู่รึเปล่า

“การถ่ายทำอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผมไม่อาจคาดเดาได้ แต่เมื่อผมลองคิดดูแล้ว เราไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีก 1 ชั่วโมงนับจากนี้ เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ก็ดูเหมือนจะยิ่งยาก ในการคาดเดา ผมจินตนาการภาพในอีก 10 ปีข้างหน้าไม่ออกจริงๆครับ ความรู้สึกของผมตอนนี้ก็คือ
ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ ผมจะทำมันให้ดีที่สุด แต่ผมก็ไม่คิดว่า สัญญาแบบนี้จะทำได้ง่ายๆ ผมอยากที่จะใช้ชีวิตทุกๆนาทีอย่างเต็มที่และทุกชั่วโมงด้วยความซื่อตรง ผมจะพยายามทำมันให้ได้ครับ”

คำถามสุดท้ายเกี่ยวกับความประทับใจในงานที่โอซาก้าและอี ฟิลลิป

“ผมควรจะโทรเรียกฟิลลิปมาไหมครับ” (หัวเราะ) เขาพูดติดตลก
“ช่วงที่ดีที่สุดในงานคือตอนใกล้ๆจะจบครับ นั่งอยู่บนรถและเลื่อนไปๆรอบ ผมสามารถเห็นหน้าของคนดูใกล้ๆและสบตากัน เพียงแค่มองตา หัวใจเราก็สามารถสื่อสารกันได้แล้วครับ ผมอยากจะพูดว่า “วนอีกสักรอบดีไหมครับ” แต่ผมเห็นใจคนอื่นๆครับ ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้พูดออกไป ผู้กำกับคิมและมุนโซริหัวเราะกันตลอดเลยครับ พวกเขาบอกว่า หน้าพวกเขาเป็นตะคริวกันเลยทีเดียว (หัวเราะ) ส่วนผมไม่เป็นอะไรครับ ผมชอบความรู้สึกในตอนนั้นหน่ะครับ ผมเองก็มีความคิดอื่นๆนะครับ ผมลองคิดดูว่า ถ้าเราทำรถให้เล็กลง เรคงสามารถเข้าใกล้คนดูได้มากกว่านี้

ส่วนเรื่องฟิลลิป เพราะผมไม่มีน้องชาย เขาก็เลยเหมือนเป็นน้องของผมครับ มันอาจจะฟังดูแปลกๆที่พูดอย่างนี้กับผู้ชาย แต่เขาก็มีค่ากับผมนะ (หัวเราะ) พวกเราพักกันที่นาโกย่าและเขาก็มาโตเกียวกับผมด้วย จริงๆแล้วจูมูชิ (ปาร์ค ซุง วุน) ก็อยู่ที่โตเกียวด้วย ตอนนี้ผมนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ที่นี่ ในขณะที่ 2 คนนั้นได้นอนอย่างเต็มอิ่ม กินอาหารอร่อยๆและมีความสุขกับการช้อปปิ้ง” (หัวเราะ)

คุณให้รางวัลอะไรกับตัวเอง

“ผมให้รางวัลกับตัวเองโดยการไปนิวยอร์คหลังจากการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง ระหว่างการเดินทางมาในครั้งนี้ เมื่องานของผมเสร็จ ผมมีแผนที่จะอยู่ต่ออีกสัก 2-3 วัน ผมมีที่ๆอยากจะไปเที่ยวชม ผมคิดว่า มันเป็นรางวัลที่ผมให้กับตัวเองครับ”

การสัมภาษณ์จบลง ยอนซามะลุกขึ้นและโค้งให้เล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกัน เขาหยุดเพื่อจะโค้งให้อีกครั้ง ด้วยความมีน้ำใจและอบอุ่นของยอนซามะ และเมื่อได้เห็นเขาแล้ว ช่างเป็นเวลา 80 นาทีที่น่าหลงใหลทีเดียว


แปลโดย love (พี่อัญสุดสวย)
น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 13:34:58 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 13:35:55 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 13:36:18 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 13:37:30 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 13:38:02 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 14:57:29 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 15:02:54 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 15:12:01 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 15:25:06 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 15:34:16 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 15:47:29 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 15:59:07 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 16:13:55 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 16:19:05 ]







Legend
[ 06-07-2008 - 16:39:51 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 20:44:15 ]







น๊อตคุง
[ 06-07-2008 - 20:44:42 ]







ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้

เว็บนี้มีการใช้งาน cookie
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ