Download / Clip / Songs/ Live / MV ของ Super Junior ~ แบบ HQ ชัด # 2

dongrim
[ 29-04-2009 - 14:53:14 ]







quote : Aiiir

คติพจน์เพ้อทรีโอ

เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ
เรา เพ้อทรีโอ จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน



เพ้อทริโอ เรามีคติพจน์ด้วย

เย้ เย้
Aiiir
[ 29-04-2009 - 14:55:34 ]









แปะไว้เพื่อเพ้อทรีโอเบอร์ 1

quote :
เส้นทางชีวิตของซองมิน

ในชีวิตวัยเด็กของซองมิน เขามักจะใช้เวลาอยู่กับที่บ้านและแม่ เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโต จึงมักถูกเรียกไปเป็นลูกมือในการทำอาหารเสมอๆ เพราะแม่ของเขาเป็นแม่ค้า และขายอาหารในตอนนั้น

ตอนเด็กๆ ซองมินค่อนข้างเป็นคนเงียบ มักจะอยู่เงียบๆคนเดียว ราวกับในห้องเรียนนั้นไม่มีเขาอยู่ หนำซ้ำก็ยังขี้อายและไม่กล้าแสดงออกอีก แต่เมื่อเข้าชั้น ม.1 ขณะที่เขานั่งดูรายการบันเทิงอยู่นั้น ความฝันที่จะเป็นดาราก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของซองมิน หลังจากนั้น เขาจึงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากที่ทำตัวเหมือนเป็นอากาศ ก็เริ่มที่จะทำตัวสดใส ร่าเริง เพื่อให้เข้ากับคนอื่นๆได้ แม้ในช่วงแรกมันจะยังรู้สึกขัดๆกับนิสัยที่เคยเป็นมาอยู่บ้าง แต่เขาก็ได้พยายามที่จะทำมันอย่างเต็มที่ แม้จะดีกว่าเดิมแค่เพียงเล็กน้อยก็เถอะ

เมื่ออยู่ชั้น ม.2 เขาเริ่มหัดเต้นเบรคแดนส์และหัดร้องเพลงอย่างเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งในช่วงวันหยุดฤดูหนาวของชั้น ม.3 ซองมินก็ได้เตรียมตัวอย่างจริงจังเพื่อออดิชั่นในครั้งแรก แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อในทีมเต้นที่เขาร่วมวงอยู่ด้วยนั้นมีคนถอนตัว และทีมต้องขึ้นโชว์ในวันเดียวกับที่เขาต้องไปออดิชั่น ซองมินจึงชั่งใจอยู่นานสองนาน และตัดสินใจที่จะไปร่วมเต้นให้กับทีมในที่สุด

และในวันนั้นเอง เขาก็ได้รับนามบัตรจากแมวมองของ SM Entertainment มาอย่างไม่คาดคิด ในงานที่เขาไปร่วมแสดงกับเพื่อนนั่นเอง และหลังจากนั้น เขาก็ได้เข้าร่วมออดิชั่นกับทางค่าย จนได้มาเป็นศิลปินฝึกหัด และแม้ว่าเขาจะเคยร่วมทีมเต้นกับเพื่อนๆ แต่พอมาเจอฮยอกแจ และได้เห็นเขาเต้นในครั้งแรก มันก็ทำให้ซองมินถึงกับอึ้ง ... เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว การเต้นที่เขาเคยมั่นใจ มันกลายเป็น "ไม่ได้เรื่อง" ไปในทันที ดังนั้น ซองมินจึงพยายามที่จะเต้นให้เก่งอย่างฮยอกแจให้ได้

แต่สิ่งที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขาก็มาเยือน เพราะบุคลิกที่ชอบก้มหน้าก้มตา เก็บตัว แถมยังมีบุคลิกที่ค่อนข้างแย่ จึงถูกเรียกไปตักเตือนหลายต่อหลายครั้ง ในกรณีที่เขาไม่สามารถเข้ากับเพื่อนๆได้ และก็ยังปรับตัวไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองเพื่อที่จะเป็นนักร้อง ซองมินมักถูกเรียกให้ออกไปร้องเพลงต่อหน้าบรรดารุ่นอยู่อยู่หลายๆต่อหลาย ครั้ง เพื่อที่จะให้เขาได้ฝึกความกล้า และเริ่มที่จะชินกับการอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย

เขาจึงมักที่จะบอกตัวเองอยู่เสมอ ว่า "เรื่องที่ทำไม่ได้ ก็ต้องทำจนกว่ามันจะทำได้"

ในทุกๆวัน ซองมินมักจะเลิกซ้อมราวห้าทุ่ม และกลับบ้านทางเดียวกันกับฮยอกแจ จุนซู และจองซู หลายต่อหลายครั้งที่เขาเหนื่อยจนเผลอหลับไปบนรถเมล์ และนั่งเลยป้ายอยู่บ่อยๆ ทำให้ต้องนั่งรถเมล์สายเดิมซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น

ระยะเวลาการฝึกอันยาวนานนั้นค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่น้องชายอย่างจุนซูถามว่า "เราฝึกกันหนักแบบนี้ แล้วเราจะได้เดบิวต์เร็วๆใช่มั๊ยฮะ" ... เขาไม่รู้จะตอบเช่นไร นอกจากพยักหน้าแล้วยิ้มให้ เพราะว่าตัวของเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเขาจะได้เดบิวต์หรือเปล่า หรือว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ

แต่แล้วก็เหมือนมีแสงไฟริบหรี่ให้เห็นอยู่ที่ปลายทางที่มืดมิด เมื่อพวกเขาได้ถูกจับมารวมกลุ่มกัน โดยประกอบด้วยสมาชิกสามคนคือ ซองมิน จุนซู และฮยอกแจ โดยจะเป็นกลุ่มแนว R&B ที่ใช้ชื่อว่า "Danaeb" แต่แล้วก็ถูกยกเลิกไปในที่สุด เมื่อจุนซูมีปัญหาด้านเสียง ที่มันแตกมากเสียจนไม่สามารถร้องเพลงได้ไปในช่วงหนึ่ง

ซองมินจึงกลับมาใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกหัดที่ไร้สังกัด ไร้กลุ่มอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเวลาผ่านไป จนเขาอยู่ในชั้น ปี 2 ของไฮสคูล อาจจะเพราะการซ้อมที่หนักมาก ทำให้ซองมินที่เคยตั้งใจเรียนนั้นไม่มีเวลาที่จะทบทวนตำราเรียนเหมือนเก่า เกรดของเขาจึงร่วงลงแทบทุกวิชา สร้างความกังวลให้กับพ่อและแม่เป็นอย่างมาก ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็กังวลกับเรื่องเรียนต่ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน

เมื่อขึ้นชั้น ปี 3 ปัญหาเรื่องการเข้าเรียนต่อในระดับชั้นมหาวิทยาลัยของซองมินก็เข้ามารุมเร้า จนชีวิตเขานั้นขาดความสุข เกิดเป็นสงครามประสาทกับทั้งพ่อและแม่ จากที่เคยเป็นเด็กพูดน้อย เก็บตัว และพยายามที่จะทำตัวร่าเริงเพื่อเปลี่ยนบุคลิกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ซองมินเริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะเก็บกดและเคร่งเครียดอีกครั้ง เพราะปัญหาและความกดดันที่เกิดขึ้น

และเมื่อกำหนดที่จะได้เดบิวต์นั้นเลื่นออกไป ความคิดที่มีก็ยิ่งสะสมมากขึ้น จนสุดท้าย เขาก็หมดความอดทนกับปัญหารอบตัวที่รุมเร้า โดยทิ้งทุกอย่าง และไม่ยอมไปซ้อมอยู่หลายสัปดาห์

สิ่งที่ซองมินกลัวก็คือ การทำให้พ่อและแม่ผิดหวัง แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ความผิดหวังในตัวเอง ด้วยความที่เป็นลูกคนโต เขาจึงเปรียบเป็นความหวังของพ่อและแม่ ที่ต้องแบกรับภาระว่าที่หัวหน้าครอบครัวเอาไว้ หนำซ้ำยังต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆอีกด้วย และเมื่อเขาได้คิดทบทวนกับสิ่งที่ผ่านๆมา มันทำให้เขานึกถึงคำพูดที่ว่า "คนที่ผ่านความยากลำบากมามาก จึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ" ... เขาจึงหยุดที่จะหนีปัญหา และกลับมาฝึกซ้อมอย่างหนักอีกครั้งหนึ่ง

การเรียนของซองมินที่เคยแย่ ก็เริ่มดีขึ้น และในที่สุดเขาก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สร้างความภาคภูมิใจให้กับพ่อและแม่มากมาย และดูเหมือนทั้งคู่จะดีใจมากกว่าตัวเขาหลายเท่านัก ภาพที่พ่อกับแม่ดีใจจนโทรบอกเพื่อนๆในเรื่องที่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยัง คงติดตรึงในใจของเขาจนถึงทุกวันนี้ จากนั้น ซองมินจึงขยันและตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ไม่ได้สนใจแค่เพียงการซ้อมอย่างที่ผ่านๆมา เขาเข้าเรียนทุกคาบวิชาไม่เคยขาด และเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการสอบ จนได้รับรางวัลด้านการเรียนเมื่อผลการสอบเทอมแรกออกมา

และในที่สุด วันที่พวกเขารอคอยก็มาถึง หลังจากที่ได้เห็นภาพของเพื่อนร่วมฝึกหัดมาด้วยกัน และน้องชายที่สนิทด้วย อย่างจุนซู ได้เดบิวต์ในนาม TVXQ ไปก่อนหน้าแล้ว ...เมื่อเขาได้ข่าวการเดบิวต์ของตัวเอง ว่าได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์กลุ่มใหม่ของ SM ก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก จนต้องถามคังอินซ้ำหลายๆรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป

แต่ก่อนที่จะได้เดบิวต์ เขาจำเป็นจะต้องลดน้ำหนักที่ค่อนข้างมากเกินความจำเป็นออกถึง 10 กิโล ดังนั้น ในแต่ละวัน เขาจึงควบคุมอาหารของตัวเอง โดยทานแต่เดนจังชีเก (แกงเต้าหู้) ...และไดเอทอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะมันคือด่านสุดท้าย ก่อนที่จะถึงจุดหมายที่เขารอคอยมานานแสนนาน

ในหนึ่งวัน เขาจะออกวิ่ง 1 ชั่วโมง อาหารทั้งสามมื้อนั้นเป็นเดนจังชีเกกับข้าวครึ่งถ้วย ... รสชาติมันช่างจืดชืด และยังคงติดลิ้น ยากที่จะลืม

และในที่สุด วันที่เขารอคอยมานานแสนนานก็มาถึง ซองมินจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะยืนอยู่บนเวทีได้โดยที่ไม่ประหม่า จากเด็กหนุ่มที่เคยทำตัวเหมือนท่อนไม้ ที่ไร้ตัวตน เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะแสดงออก และทำให้ผู้คนหันมาสนใจเขา ... พยายามอยู่อย่างนั้น ในช่วงแรก มันอาจจะฝืนอยู่บ้าง ที่ต้องมาทำตัวโอเว่อร์แอ็คติ้ง ทั้งๆที่นิสัยจริงๆของเขามันไม่ใช่ ... แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกสนุกกับมัน และมันก็ติดเป็นนิสัยของเขาไปเสียแล้ว ที่เมื่อเจอแฟนคลับผู้หญิง เขาจะต้องทำตัวน่ารักโดยอัตโนมัติ

ซองมินกลายเป็นคนที่มีสองบุคลิกในตัวเอง และบางที เขาเองก็ยังนึกสับสนกับตัวเองอยู่ ว่าทุกวันนี้ นิสัยที่แท้จริงของเขานั้นคืออะไร แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่ออกมานั้นดูเป็นเด็กที่น่ารักในสายตาแฟนๆ เขาจึงรู้สึกว่า เขาควรจะน่ารักเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...และเกิดความรู้สึกว่า "ไม่อยากโต ไม่อยากแก่" ...เมื่อก่อน ซองมินค่อนข้างจะเคร่งเรื่องอาวุโสอยู่มาก รุ่นน้องทุกคนจะต้องเรียกเขาว่าพี่ ...แต่ปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแค่เพียงซีวอนหลุดปากพูดว่า "พี่ซองมิน" เขาก็จะหันไปจ้องตาแทบถลนโดยทันที ... เขายังอยากเป็นเด็กน้อยน่ารักในสายตาแฟนๆ

แต่สำหรับแฟนคลับสาวๆ ที่อายุมากกว่าเขา เขาจะตามใจพวกเธอมาก หากใครที่อายุมากกว่า แต่ถ้ามันจะมีความสุขหากเธอได้เรียกเขาว่า Oppa ...ซองมินก็ยินยอมที่จะเป็นให้กับเธอ

และในเวลาว่าง หากอยู่ที่อพาร์ตเม้น หน้าที่ประจำของเขาก็มักจะเป็น พ่อครัวประจำบ้าน เนื่องจากในหอพักนั้น (คนละหอกับฮันคยอง) มีเพียงเขาที่ทำอาหารได้อร่อยที่สุด จึงมักจะเป็นคนคอยทำอาหารให้คนอื่นๆรับประทาน และในหลายๆครั้ง ก็มักจะหาเมนูใหม่ๆมาลองทำ ซึ่งโดยส่วนมากก็คงจะหนีไม่พ้น อาหารจำพวก ฟักทอง ... และเหยื่อประจำที่จะโดนเป็นหนูทดลองก็คือ ชินดง

นิสัยของซองมินนั้น ค่อนข้างจะขี้จุกจิก และขี้บ่น เนื่องจากเขาคลุกคลีอยู่กับแม่มาก จึงติดนิสัยของผู้หญิงมา ...และนิสัยพวกนี้นี่เอง ที่สามารถทำให้จอมโหดของวงอย่างคังอินนั้นขยาดได้ เพราะคังอินสามารถต่อกลอนได้กับทุกคน เว้นแค่เพียงซองมิน ที่เขาจะพยายามหลีกหนีให้ไกลที่สุด

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่จงอุน (เยซอง) กับรยออุค นั้นหยอกกันเล่น โดยวิ่งไล่กันไปบนที่นอนของสมาชิกทุกคน แต่ความซวยก็บังเกิดขึ้น เมื่อเตียงนั้นดันหักลง และเป็นเตียงของซองมินพอดี ... คำแรกที่คังอินพูดก็คือ "หักที่เตียงใครไม่หัก ..พวกนายสองคนอยู่รับกรรมไปก็แล้วกัน ชั้นเผ่นก่อนล่ะ" ... และก็เป็นไปตามคาด ทั้งรยออุคและเยซองถูกบ่นกันเสียจนหูชา และอีกคนที่เคยเจอมากับตัวก็คือชินดง ที่เผลอไปแกล้งซองมินเข้า และเขาก็ไม่พอใจ จึงกลายเป็นว่า วันนั้นทั้งวันที่ชินดงโดนซองมินบ่น และต่อให้เขาเดินหนี ซองมินก็ยังคงเดินตามเพื่อที่จะบ่น ทำเอาเจ้าหมูน้อยถึงกับประสาทกินเลยทีเดียว

และด้วยความที่เขาชอบสีชมพูมาก เมื่อมีแฟนคลับนำของมาให้ สมาชิกทุกคนก็มักจะนำของมากองรวมกัน เพื่อที่จะแยกว่าของใครเป็นของใคร แต่ถ้าหากมีของชิ้นใดที่สีชมพู ซองมินจะรีบคว้ามาหอบเอาไว้ในทันที โดยไม่สนว่าจะเป็นของชนิดไหน หรือว่าเป็นของใคร และเพื่อนๆในวงก็รู้ดี ว่าสีชมพูนั้นจะต้องยกให้กับซองมินเพียงผู้เดียว

ซองมินค่อนข้างจะขี้น้อยใจ และหวั่นไหวง่ายกับเรื่องราวที่เกี่ยวกับแฟนคลับ เขาจึงมักจะถูกเพื่อนๆแกล้งล้ออยู่เสมอ ว่า "ระวังแฟนๆไม่รัก" ... และมันจะกระทบต่อสภาพจิตใจของเขาได้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าหากโดนอำหรือโดนล้อเรื่องนี้หนักๆเข้า น้ำตาก็พาลจะไหลเอาง่ายๆ

เมื่อมีเวลาว่างจากงาน ซองมินจะรีบกลับบ้านทุกครั้ง เพราะบ้านของเขานั้นอยู่ห่างจากที่พักไม่มาก และสามารถไปกลับได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ สิ่งที่เขาชื่นชอบมาก นอกจากการทำอาหารและศิลปะการต่อสู้แบบจีน ก็คือ การถ่ายรูป โดยจะมีกล้องส่วนตัวที่มักจะพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด และคอยเก็บภาพประทับใจจากที่ต่างๆเอาไว้ รวมถึงภาพแฟนคลับในแต่ละที่ที่เขาไปด้วย

แม้ว่าเมื่อก่อน กระต่ายน้อย จะเป็นเช่นไร ... แต่สิ่งที่เขาพยายามก็ได้ประสบความสำเร็จแล้ว การพยายามปรับเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็พยายามจนสำเร็จ หลายๆคนอาจจะเคยเห็นซองมินในเวลาที่เคร่งขรึม ไร้รอยยิ้ม และเหม่อลอย .. นั่นคืออีกหนึ่งตัวตนที่แท้จริง เป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กของเขา แต่ในเวลาที่เขายิ้ม เขาร่าเริง และทำตัวน่ารักๆ เขาก็ไม่ได้เสแสร้งเช่นกัน

ในเมื่อเขาพยายามจะน่ารัก เพื่อให้พวกเราได้รัก ... ดังนั้น ก็ควรรักเขาให้มากๆ ... กระต่ายน้อยสีชมพู


Credit : Dra-cool @ SJ : Flying Together Club , siamzone
Cream_love_SJ
[ 29-04-2009 - 15:15:14 ]







มาแล้วค่า~~
เมื่อกี้ไปเล่นเกมส์มาค่ะ
dongrim
[ 29-04-2009 - 15:18:34 ]







quote : Cream_love_SJ

มาแล้วค่า~~
เมื่อกี้ไปเล่นเกมส์มาค่ะ



เย้ .. น้องครีมกลับมาแล้น
mzbr4
[ 29-04-2009 - 15:23:37 ]







quote : Aiiir

แปะไว้เพื่อเพ้อทรีโอเบอร์ 1

เส้นทางชีวิตของซองมิน


ในเมื่อเขาพยายามจะน่ารัก เพื่อให้พวกเราได้รัก ... ดังนั้น ก็ควรรักเขาให้มากๆ ... กระต่ายน้อยสีชมพู


Credit : Dra-cool @ SJ : Flying Together Club , siamzone



ยาวมากกก ก. อิอิ
dongrim
[ 29-04-2009 - 15:25:12 ]







quote : Aiiir

แปะไว้เพื่อเพ้อทรีโอเบอร์ 1

เส้นทางชีวิตของซองมิน



เพ้อทรีโอเบอร์ 2 ขออ่านก่อนแล้นนะจ๊ะ

คังอินกลัวซองมินหรือนี่..อิอิ


Aiiir
[ 29-04-2009 - 15:33:16 ]







ดีจ้าน้องครีม


เมื่อกี้บอร์ดค้างเป็นสิบนาทีเลยง่าาาส์
Aiiir
[ 29-04-2009 - 15:34:29 ]







ต่อๆ
เจ้าของกระทู้เขาลงเรื่อยๆ ทีละคนอ่า


quote :
เส้นทางชีวิตของจองซูหรือลีทึก (ถ้าอ่านแล้วโทดทีนะจ๊ะ)

จองซูมีความประทับใจแรกในวงการเพลง เมื่อได้เห็นวง ซอเดจีวาไอดอลในทีวี ซึ่งมันทำให้เขาถึงกับตะลึงในความแปลกใหม่ และนับจากนั้น เขาก็เริ่มหัดร้องเพลงเรื่อยมา แต่ในช่วงแรก มันเป็นเพียงแค่การร้องเพลงที่เป็นเพียงความชอบ แม้ว่าจะถูกข้างบ้านตะโกนด่ามาบ่อยๆ เขาก็ยังคงดื้อดึงที่จะร้องมันเรื่อยมา

จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของเขาพูดกึ่งแซว ว่า "ถ้าชอบขนาดนี้ ทำไมไม่จัดห้องโชว์ไปเลยล่ะ" เนื่องจากเงินเก็บของจองซู มักจะละลายหายไปกับการซื้ออัลบัมเพลงเสียส่วนใหญ่ ... และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากเป็นนักร้อง

จองซูยังคงใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมธรรมดา เขารักการร้องเพลง แต่ก็ยังไม่คิดจะเดินทางเพื่อตามหาฝันของตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนที่ร่วมร้อง ร่วมเต้นมาด้วยกันกำลังจะได้เดบิวต์ มันทำให้เกิดแรงกระตุ้นขึ้นมา แต่นั่นมันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขามุ่งไปในจุดหมายนั้น และในวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันเกิดของ มินวู (วงชินฮวา) เพื่อนของเขาได้มาชวนไปร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้นบริเวณ อับกูจอง แม้ว่าจองซูจะไม่เคยไปสถานที่นั้น แต่เขาก็ยังไปร่วมงานจนได้ และในงานนั้นเองก็มีแมวมองของ SM Entertainment เดินเข้ามาทักเขา และทิ้งนามบัตรให้ไว้ โดยบอกให้ไปลองออดิชั่นกับทางบริษัทดู

บนนามบัตรนั้นเขียนไว้ว่า "SM Entertainment" มันเป็นแรงจูงใจอย่างมากที่ทำให้จองซูเริ่มฝึกฝนตัวเองเป็นอย่างหนัก เขาจึงเข้าประกวด Starlight Casting System ในปี 2000 และได้เป็นศิลปินฝึกหัดของบริษัท แต่เนื่องจากที่บ้านไม่สนับสนุน แต่ด้วยความต้องการที่จะมากฝึกฝนกับทางบริษัท ก็ถึงขั้นยอมโกหกที่บ้านว่าไปเรียนกวดวิชา เพื่อนำค่าเล่าเรียนนั้นไปเป็นค่ารถเพื่อไปฝึกกับทางบริษัท และช่วงเวลาที่อ้างว่าไปเรียนพิเศษ ก็คือช่วงที่เขาไปฝึกซ้อม แต่เมื่อที่บ้านรู้เข้าก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เหตุการณ์นี้เอง ทำให้จองซูยอมคุกเข่าเพื่อขอโทษคุณพ่อ ที่เขาโกหก และในวันนั้นเอง จองซูได้ขอร้องพ่อเพื่อให้เขาได้ลองทำตามความต้องการสักครั้ง แต่ไร้คำพูดใดๆจากปากของพ่อ

หลังจากนั้น จองซูก็พยายามฝึกฝนตัวเองเป็นอย่างหนัก เนื่องจากเขาต้องการที่จะทำให้พ่อได้เห็นว่า "เขาทำได้" ไม่ว่าจะฝนตก หิมะกระหน่ำ หรือจะมีอะไรร้ายแรง อิทึกก็จะยังดั้นด้นไปฝึกซ้อมที่บริษัทโดยไม่มีการขาด แต่ความพยายามนั้นก็ยังไม่เห็นผลสักที เด็กฝึกหัดคนใหม่ๆที่เข้ามาหลังเขาต่างก็ได้เดบิวต์ไปก่อน สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาค่อนข้างมาก มันทำให้เขาคิดมองย้อนดูตัวเองอยู่เสมอๆ ว่าเพราะเหตุใด ความสามารถของเขายังมีไม่มากพอหรืออย่างไร คำพูดของญาติหลายคนที่ต่างตัดทอนกำลังใจ เพราะล้วนแต่อยากให้เขาหันไปตั้งใจเรียน แทนที่จะมาจมปลักอยู่กับการเป็นศิลปินฝึกหัด มันทำให้เขาร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง แต่จองซูก็ยังคงมุ่งมั่น และตั้งใจจะเป็นนักร้องที่ดีของเกาหลีให้ได้

และในช่วงเวลาของการเป็นศิลปินฝึกหัด จองซูนั้นถือเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องๆ เขาค่อนข้างจะสนิทกับฮยอกแจและจุนซู ขนาดที่เคยไปค้างที่บ้านจุนซูบ่อยๆ และด้วยความที่เป็นรุ่นพี่นี่เอง ที่เขามักจะต้องออกเงินเลี้ยงน้องทั้งสองอยู่เป็นประจำ แม้ว่าในหลายๆจะ น้องชายตัวแสบทั้งสองจะแกล้งเขาเอาไว้มาก ทั้งเรื่องที่เขามีเงินจ่ายค่าขนมปังเพียงแค่สองชิ้น เพื่อสำหรับสามคน แต่ก็กลับโดนน้องชายทั้งสองเอาไปจนหมด แล้วทิ้งเขาให้มองตามหลังอยู่ที่สถานีรถไฟ และอีกหลายต่อหลายเรื่อง แต่เขาก็ไม่เคยโกรธสักครั้ง จึงไม่แปลก ที่นอกเหนือจากฮยอกแจแล้ว คนที่จุนซูโทรศัพท์มาแสดงความยินดีด้วยเป็นรายที่สองนั้นจะเป็นจองซู

และในทุกๆวัน ก่อนที่เขาจะกลับ จองซูก็มักจะเดินไปส่งน้องๆศิลปินฝึกหัดที่เป็นผู้หญิงหลายๆคน เพราะมันเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึก เขาจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องๆซึ่งเป็นผู้หญิง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ศิลปินหญิงในค่ายหลายๆคนนั้นค่อนข้างจะดูสนิทสนมกับเขามาก

ในการเป็นศิลปินฝึกหัด ใช่ว่าจะมีแค่การเรียนไปวันๆ เพราะเมื่อถึงกำหนดการทดสอบ ช่วงเวลาแห่งความเครียดก็จะมาถึง หลายต่อหลายครั้งที่มันทำให้เขาผิดหวัง แต่ความตั้งใจที่มีมาก็ยังไม่เลือนหายไปเสียทีเดียว

"นายทำได้แค่นี้เองเหรอ ..คิดจะฝึกหัดไปทั้งชีวิตหรือไง ไม่ดูเด็กใหม่ๆบ้างล่ะ" คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ ซึ่งเขายังคงจำมันจนถึงวันนี้ เพราะบรรดารุ่นน้องที่เป็นศิลปินฝึกหักหลายต่อหลายคนที่เดบิวต์ไปแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือเขา ที่ฝึกมาหลายต่อหลายปี ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เดบิวต์

ในวันที่เพลง Hug ของ ดงบังชินกิขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง ในความยินดีกับเพื่อน มันก็แฝงไปด้วยความทุกข์อย่างแสนสาหัส เพื่อน และรุ่นน้องที่ฝึกหัดด้วยกันมาได้เดบิวต์อย่างสวยงาม .. แล้วเขาล่ะ?

แต่โชคชะตาก็ไม่เลวร้ายเสียทีเดียว เพราะหลักจากนั้นไม่นาน ก็มีโปรเจคการฟอร์มวง Super Junior ขึ้น และด้วยความที่จองซูมีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุด เขาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลสมาชิกคนอื่นๆ ในวงในฐานะ พี่ใหญ่ ซึ่งอันที่จริง จองซูไม่ได้ยินดีกับตำแหน่ง ลีดเดอร์ เท่าใดนัก เพราะว่ามันเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ และเขาก็คิดว่าตัวเองทำมันได้ไม่ดีพอ หลายต่อหลายครั้งที่เขาเผลอแสดงนิสัยไม่ดีออกไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภาระนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ที่จะต้องสละเวลาส่วนตัวเพื่อดูแลสมาชิกในวงอย่างทั่วถึง

จองซู ได้เปลี่ยนชื่อจาก จองซู ซึ่งคือชื่อจริง มาเป็น อิทึก เพื่อใช้เป็นชื่อในวงการ เพราะเขาอยากจะเป็น สิ่งพิเศษ นั่นเอง

ในวันที่ซุปเปอร์จูเนียร์เดบิวต์ ที่หลังเวที ทุกคนต่างกอดคอกันร้องไห้ ... พวกเขาเดินทางมาถึงจุดเริ่มต้นจุดใหม่แล้ว อนาคตอีกมากมายกำลังรออยู่ข้างหน้า แต่ในความดีใจนั้น จองซูได้รับรู้ดีว่า ภาระอันหนักอึ้งกำลังรอเขาอยู่ตรงหน้า และเขาก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อที่จะเป็นผู้เดินนำให้สมาชิกในวงไปถึงจุดหมายพร้อมกัน

จองซูยังคงทำหน้าที่ลีดเดอร์ที่ดีเรื่อยมา แม้ว่านิสัยส่วนตัวของเขาจะขี้เล่น และค่อนข้างจะบ้าบอ จนอาจจะดูไร้สาระ แต่ถ้าเมื่อใดที่ถึงเวลางาน เขาจะหยุดทุกอย่างเพื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยมีคังอินคอยเป็นผู้ช่วย และแม้ว่างานในแต่ละวันจะมากมายสักเพียงใด แต่ถ้าหากสมาชิกคนใดมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางดึกที่เขาเพิ่งนอนได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ตาม จองซูจะรีบออกไปหาสมาชิกคนนั้นโดยทันที เพราะเขาคิดอยู่เสมอ ว่ามันคือหน้าที่ที่เขาต้องดูแลน้องๆให้เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

ด้วยความขี้เล่นของอิทึก ที่ชอบพูดเล่นไปเรื่อยเปื่อย และไม่ได้คิดอะไรมากมาย ทำให้เขาเกิดปัญหาอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งเรื่องจางนาราที่เคยพูดจาล้อเล่น จนทำให้ฝ่ายหญิงไม่พอใจถึงขั้นโทรศัพท์มาต่อว่า หรือเรื่องราวใหญ่โตที่จองซูแค่หลุดปากพูดเล่นว่า "ยอนอา นักสเก็ตสาว ไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อนในไซเวิลด์" ทำให้แฟนคลับจำนวนมากไปโพสข้อความในไซเวิลด์ของยุนอาถล่มทลาย จนกลายเป็นเรื่องราวโด่งดัง เหตุการณ์เหล่านี้ ได้สอนให้เขาพยายามยับยั้งความคิดและคำพูดให้มากขึ้น

จองซูคิดอยู่เสมอ ว่าปัญหาของเพื่อนในวง ก็คือปัญหาของเขาที่ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ... ทุกวันนี้ เขาจึงยังเป็นพี่ที่ดีของน้องๆ และคอยเป็นด่านหน้าของซุปเปอร์จูเนียร์ที่จะแบกรับปัญหาจากทุกสารทิศที่เข้า มาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าด้านในนั้นจะมีน้ำตา เขาก็ยังคงสู้ไม่ถอย

แต่อย่างน้อย ข้างกายของเขาก็ยังมียองอุน (คังอิน) รุ่นน้องคนสนิทที่พร้อมที่จะพยุงเขาไว้ทุกเมื่อหากเขาอ่อนล้า หรือหมดแรงลง เพราะคังอินนั้นรู้ดี ว่าหน้าที่ที่จองซูต้องรับผิดชอบนั้นมันหนักหนาและใหญ่หลวงสักเพียงใด อะไรที่เขาพอที่จะช่วยจองซูได้ เขาก็พร้อมที่จะช่วยทุกเมื่อ เพราะถ้าหากในวงขาดจองซูไปสักคน ก็คงจะวุ่นวายไม่น้อยเลยทีเดียว

เขาพูดอยู่เสมอๆ ว่าเขาคือ นางฟ้าที่ไร้ปีก ...แต่ ณ วันนี้ ด้วยความรักจากเอลฟ์ ปีกสีขาวของนางฟ้า กำลังก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังของเขา ปีกที่หายไปกำลังจะปรากฎขึ้นอีกครั้งแล้ว


(ทีละคนนะ อิอิ )

Dra-cool @ SJ : Flying Together Club เครดิต
dongrim
[ 29-04-2009 - 15:38:13 ]







quote : Aiiir

ต่อๆ
เจ้าของกระทู้เขาลงเรื่อยๆ ทีละคนอ่า


quote :
เส้นทางชีวิตของจองซูหรือลีทึก


ต่อๆ

อ่านต่อด้วยเช่นกันจร้า
Aiiir
[ 29-04-2009 - 15:44:37 ]







ชายโจ~~
quote :
เส้นทางชีวิตของคยูฮยอน

คยูฮยอน เป็นเด็กหนุ่มที่ใช้ชีวิตธรรมดา ตามแบบอย่างที่นักเรียนมัธยมทั่วไปควรจะเป็น เขาไม่เคยรู้ตัว และไม่เคยสนใจในการร้องเพลงมาก่อน ซึ่งต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ แต่เพราะครูสอนวิชาดน**ั้นมองเห็นความสามารถในตัวเขา จึงให้ลองร้องเพลง เมื่อตอนอยู่ ไฮสคูล ปี 1 และตั้งแต่นั้น ความฝันที่จะเป็นนักร้องของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด จนกระทั่งได้มีโอกาสไปเข้าคอร์สฝึกการใช้เสียงกับค่ายเพลงแห่งหนึ่ง และก็ฝึกเรื่อยมาจนกระทั่งเข้าสู่ชั้น ปีที่ 3

คยูฮยอนได้เข้าประกวดพร้อมกับเพื่อนอีกคน โดยใช้เพลง จยูรยอค ของ ฟลายทูเดอะสกาย ในการประกวด และก็ได้รางวัลเหรียญทองแดงกลับมา

ทางบ้านของคยูฮยอนนั้นค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องการเรียน และเขาก็มีฐานะทางบ้านค่อนข้างดี เรียกได้ว่าเป็นลูกคุณหนูอีกคนของวงเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่ทางบ้านของเขาคาดหวังกับเขามากที่สุดก็คือ ด้านการเรียน แม้ที่บ้านจะไม่ได้ต่อต้านกับความฝันที่เขาทำอยู่ แต่ก็ห่วงเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่มาก ดังนั้น เขาจึงต้องแบกภาระสองอย่างไว้พร้อมๆกัน คือ การเดินตามฝันเพื่อเป็นนักร้อง และการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้

ในวันที่ประกาศผล คยูฮยอนแทบจะหัวใจสลาย เมื่อทุกมหาวิทยาลัยที่เขายืนสมัครไปนั้นไม่มีชื่อของเขาอยู่ ณ เวลานั้นเขากังวลเป็นอย่างมาก เพราะเขาต้องการที่จะสอบให้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นนักร้องตามที่ใฝ่ฝัน แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นเอง ก็เหมือนกับว่า พระเจ้าได้เห็นถึงความตั้งใจจริง มหาวิทยาลัยสุดท้ายที่เขายื่นสมัครไป มีชื่อของเขาอยู่ นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยคยองฮี ที่โด่งดัง!!

เมื่อเซ็นสัญญากับทางต้นสังกัดเพื่อเป็นศิลปินฝึกหัด คยูฮยอนก็ถูกสั่งให้ลดน้ำหนักเป็นการด่วน เนื่องจากตอนนั้นเขามีน้ำหนักที่มากจนเกินไป เมื่อได้รู้ว่าตัวเองจะต้องเข้าร่วมทีมกับวงซูเปอร์จูเนียร์ ความกังวลก็เข้ามาจู่โจมเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

ซูเปอร์จูเนียร์ที่เดบิวต์ไปแล้วและกำลังไปได้สวย ... วงที่มีสมาชิกอยู่แล้วถึง 12 คน หนำซ้ำแต่ละคนก็ยังมีความสามารถที่โดดเด่น ... แล้วเขาล่ะ? เด็กที่เพิ่งเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดได้ไม่นาน เด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่และไม่ได้รู้จักใครในวงมาก่อน เขาจะทำอย่างไรดี?

ในวันแรก ที่ได้เข้าไปร่วมฝึกซ้อมกับซูเปอร์จูเนียร์ คยูฮยอนรู้สึกกลัวและประหม่าเป็นอย่างมาก เขาทักทายรุ่นพี่ด้วยความเกร็ง และแน่นอน มันทำให้สมาชิกของซูเปอร์จูเนียร์หลายคนไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของเขา เพราะมันดูไม่ค่อยจริงใจสักเท่าใดนัก เนื่องจากที่เกาหลีค่อนข้างจะเคร่งเรื่องการเข้าหาผู้ใหญ่นั่นเอง ซึ่งในตอนนั้น ถ้าหากจะบอกว่าไม่จริงใจ มันก็อาจจะไม่ถูกเสียทั้งหมด แต่จะปฎิเสธก็คงไม่ได้ เพราะตอนที่เขาเข้าไปโค้งให้กับพี่ๆ เขาทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว หลากความรู้สึกที่ปนเปกันอยู่ในร่างกาย จึงไม่แปลกที่สิ่งที่เขาแสดงออกมา จะทำให้คนอื่นๆมองเห็นเป็นเช่นนั้น

ในการซ้อมแต่ละวัน หลังจากที่คนอื่นๆซ้อมกันเสร็จแล้ว คยูฮยอนก็ยังจะต้องฝึกซ้อมต่อ เพราะว่าเขามาทีหลัง และต้องการพิสูจน์ตัวเอง ว่าเขาไม่ได้เข้ามาเพื่อเป็นตัวถ่วงของวง ความพยายามของเขาในช่วงนั้นจึงมากกว่าคนอื่นๆถึงสองเท่า แต่กว่าจะได้เดบิวต์พร้อมกับการออกซิงเกิลชุดแรกของซูเปอร์จูเนียร์นั้น คยูฮยอนต้องผ่านการทดสอบมากมายหลายครั้ง จนมันดีพอที่จะเปิดตัวในนามสมาชิกใหม่ของวง

เมื่อเขาปรากฎตัวในนามสมาชิกใหม่ของซูเปอร์จูเนียร์ มีกระแสมากมายเกี่ยวกับตัวเขาออกมา คยูฮยอนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายในอินเตอร์เน็ต มันทำให้เขาเจ็บ และรู้สึกแย่มาก แต่นั่นมันก็กลายมาเป็นแรงผลักดัน เพื่อให้เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อลบคำสบประมาทเหล่านั้นให้ได้

และในที่สุด ความพยายามของเขาก็เห็นผล เมื่อเขาสามารถพิสูจน์ให้ ELF ได้เห็นว่า เขามีความสามารถมากพอที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของซูเปอร์จูเนียร์ และในวันที่ ELF อ้าแขนรับเขามาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับเสียงร้องเชียร์ในชื่อเขา วันนั้นเอง ที่คยูฮยอนรู้สึกราวกับว่ามันคือความฝัน ... มันคือจุดหมายที่เขาต้องการ และในวันนี้เขาก็วิ่งมาถึงมันแล้ว

คยูฮยอนได้กลายเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของซูเปอร์จูเนียร์ และเป็นเมมเบอร์ที่อายุน้อยที่สุด ในช่วงแรกของการเข้ามาอยู่ในวง เขาไม่มีเตียงนอน แต่ด้วยความที่เป็นน้องเล็ก เขาจึงไม่คิดจะเรียกร้องอะไร จนกระทั่งเผลอพูดถึงเรื่องนี้ในรายการวิทยุ และมีแฟนคลับส่งข้อความกลับมาว่าต้องการจะซื้อเตียงนอนให้กับเขา ทำให้ผู้จัดการอับอาย และได้ไปซื้อเตียงนอนให้เขาในวันรุ่งขึ้น และมันก็ทำให้คยูฮยอนรู้สึกปลาบปลื้มกับเตียงนอนของเขาอย่างมาก จนขนาดถ่ายรุปของเขาลงอินเตอร์เนตด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

แต่แล้วเส้นทางของการเป็นศิลปินก็มาสะดุด เมื่อเขาประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในชีวิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ซูเปอร์จูเนียร์ต้องระส่ำระสาย สมาชิกต่างตกอยู่ในภาวะช็อค และทำอะไรไม่ถูก เพราะลีดเดอร์ พี่ใหญ่ของวง กับน้องเล็กคนสุดท้อง ต่างอาการแย่ทั้งคู่ แต่คยูฮยอนนั้นหนักกว่าอิทึกมาก เพราะเขาทั้งซี่โครงและกระดูกสะโพกหัก ข้อเท้าร้าว ปอดมีเลือดไหล และมีบาดแผลที่ใบหน้า คยูฮยอนไม่ได้สติอยู่ประมาณ 3-4 วัน ทั้งนี้เนื่องจากขณะที่นั่งรถนั้น เขาได้นอนหลับบนรถ จึงทำให้ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากภัยรอบตัวได้เลย

คยูฮยอนต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นาน กว่าที่อาการของเขาจะหายดี จากที่เคยติดเกมส์ ก็เริ่มเปลี่ยนมาติดละครแทน เนื่องจากช่วงพักฟื้นเขาไม่มีอะไรทำ นอกจากการนั่งดูละคร ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเหงาสำหรับเขา เพราะการได้เห็นเพื่อนร่วมวงในทีวีโดยปราศจากเงาของตัวเองนั้นมันช่างเป็น อะไรที่ปวดร้าวเหลือเกิน หนำซ้ำภาพยนตร์ที่เพื่อนๆทั้งวงแสดงร่วมกัน ยังต้องขาดเขาเพียงคนเดียวอีกด้วย จึงทำให้บทที่ถูกวางไว้ให้กับเขาได้เปลี่ยนตัวแสดงไปเป็นฮันคยอง แต่การถูกเปลี่ยนบทนั้น มันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกแย่เท่ากับการไม่ได้ร่วมงานแห่งความทรงจำ กับเพื่อนร่วมวง

และเมื่อร่างกายของเขาเริ่มแข็งแรงขึ้น ทางต้นสังกัดก็ได้เริ่มการทำงานในอัลบัมชุดที่สองทันที เนื่องจากที่ผ่านมานั้น กำหนดการออกอัลบัมชุดที่สองได้ถูกเลื่อนออกมาเนื่องจากอาการป่วยของเขา ซึ่งในการขึ้นโชว์แต่ละครั้ง เขาจะออกมาร้องเพลงได้แค่เพียงท่อนสั้นๆ เนื่องจากปอดและร่างกายยังทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถที่จะร่วมแสดงทั้งเพลงได้

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เขาได้สนิทกับเฮนรี่ ศิลปินฝึกหัดของ SM ที่มาร่วมเล่นไวโอลินให้กับเพลง Don't Don เนื่องจากทั้งคู่ใช้เวลาอย่ข้างล่างเวทีร่วมกันนานกว่าคนอื่นๆ และด้วยวัยที่ไล่เลี่ยกัน อีกทั้งยังเคยผ่านจุดเดียวกันมาแล้ว (ที่เคยโดน ELF ต่อต้าน) ทำให้คยูฮยอนเข้าใจความรู้สึกของเฮนรี่ค่อนข้างดี เขาจึงพยายามที่จะเป็นเพื่อนคุยให้กับเฮนรี่ ในช่วงที่รอขึ้นเวที ... แต่อาจเพราะความซนส่วนตัว ความหวังดีของคยูฮยอน จึงได้ออกมาในแบบที่ออกจะสร้างความวุ่นวาย เพราะระหว่างที่เขายืมไวโอลินของเฮนรี่ไปเล่นนั่นเอง (แถมยังทำท่าเลียนแบบเฮนรี่ด้วย) ที่ทำให้มันถึงกับเจ๊งไปชั่วคราว (ซนไม่เข้าเรื่อง)

และเมื่อเริ่มหมดช่วงโปรโมตในเพลง Don't Don ซูเปอร์จูเนียร์ก็มีคิวออกรายการวาไรตี้โชว์ต่างๆ และคราวนี้ คยูฮยอนถึงกับทนไม่ไหว ขอร้องทางต้นสังกัดเพื่อให้เขาสามารถออกรายการร่วมกับเพื่อนๆได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำกิจกรรมแบบคนอื่นๆ ก็ขอให้ได้ไปนั่งเห็นเพื่อนๆเล่นกันก็ยังดี

หลายๆคนอาจจะคิดว่าคยูฮยอนนั้นเป็นเด็กค่อนข้างนิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นเด็กหนุ่มธรรมดา ที่สดใสและร่าเริง แต่เพราะความเป็นน้องเล็ก จึงไม่ค่อยที่จะกล้าเล่นอะไรออกหน้าออกตามากนัก และค่อนข้างเป็นเด็กว่าง่ายในสายตาของพี่ๆ แต่ถ้าเมื่อใดที่มีโอกาส เขาก็มักจะหาทางแกล้งคนอื่นๆอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร พี่ๆก็ยังให้ความรักและความเอ็นดูในฐานะน้องเล็กไม่เปลี่ยนแปลง

คยูฮยอน คือ ส่วนที่เข้ามาเติมเต็มให้กับซูเปอร์จูเนียร์ คือ พรวิเศษ เช่นเดียวกับชื่อของเขา และพวกเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าพรข้อนี้ จะสามารถอวยพรให้ซูเปอร์จูเนียร์ผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายไปได้ด้วยดี

Dra-cool @ SJ : Flying Together Club เครดิตค่ะ
love kyukie
[ 29-04-2009 - 15:55:08 ]







quote : Aiiir

ชายโจ~~


อ๊า ก ก ก พี่แอร์

ชีวิตของกี้ โฮะๆๆ

ทักทายทุกคนค๊า
dongrim
[ 29-04-2009 - 15:57:38 ]







quote : love kyukie

อ๊า ก ก ก พี่แอร์

ชีวิตของกี้ โฮะๆๆ

ทักทายทุกคนค๊า



อันยองจร้า น้องนัท

และชายโจ
Aiiir
[ 29-04-2009 - 15:58:38 ]







ดีจ้าน้องนัท~~
อ่านประวัติที่รักแล้วเป็นไงมั่งจ๊ะ? อิอิ
love kyukie
[ 29-04-2009 - 16:03:04 ]







quote : dongrim


อันยองจร้า น้องนัท

และชายโจ



อันนยองค่ะ ออนนี่ นัทบอกกี้แล้วว่าออนนี่ฝากมาทักทาย อิอิ

quote : Aiiir

ดีจ้าน้องนัท~~
อ่านประวัติที่รักแล้วเป็นไงมั่งจ๊ะ? อิอิ



ดีค่ะ พี่แอร์

ชีวิตคนเรา สุขเศร้าเคล้าน้ำตาค่ะ โฮะๆๆๆ

แต่ไม่เป็นไร นัทให้กำลังใจกี้ไปแล้วค่ะ อิอิ
Cream_love_SJ
[ 29-04-2009 - 16:05:25 ]







quote : love kyukie

quote : Aiiir

ชายโจ~~


อ๊า ก ก ก พี่แอร์

ชีวิตของกี้ โฮะๆๆ

ทักทายทุกคนค๊า


อันยองค่ะพี่นัท
Aiiir
[ 29-04-2009 - 16:06:14 ]







quote : love kyukie

ดีค่ะ พี่แอร์

ชีวิตคนเรา สุขเศร้าเคล้าน้ำตาค่ะ โฮะๆๆๆ

แต่ไม่เป็นไร นัทให้กำลังใจกี้ไปแล้วค่ะ อิอิ



แหม่ สวีทกันจริงคู่นี้




เจ้าของกระทู้คนนั้นไม่ยอมลงประวัติคนอื่นต่องะ - -***
Vvizgaya
[ 29-04-2009 - 16:06:14 ]







Gameshow Amazing Contest (2009-04-26)



Complete!!!
Part 1
Part 2
Part 3
Part 4
Part 5
Part 6
Part 7
Part 8
Part 9
Part 10

อันนี้เป็นเกมโชว์รายการใหม่เลย ep.แรกเลยนะเนี่ย
หมีคังเหมือนจะเป็น MC โด้ยย
แล้วก็มีพี่เย่ มิน ด๊อง วอน ไปด้วยคะ หนุกๆ

ทำไมภาพแคปมันไม่ค่อยติดเอสเจเลยงิ อย่าไปเชื่อมันเลยเน้อะ
มีใครแปะไปยังงิ

Credit :: CB
Upload :: Vvizgaya
Aiiir
[ 29-04-2009 - 16:23:51 ]







ลูกน้ำมาพร้อมไฟล์
Aiiir
[ 29-04-2009 - 16:24:37 ]







Credit : 李沇熹中文网 , siamzone



love kyukie
[ 29-04-2009 - 16:25:09 ]







quote : Cream_love_SJ

อันยองค่ะพี่นัท


อันนยองจ้า น้องครีม อิอิ
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้

เว็บนี้มีการใช้งาน cookie
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ